แกะรอยกองหนุน-ทุน “ล้มล้าง” จุดเสี่ยงยุบ “เพื่อไทย-ก้าวไกล”
เรื่องนี้จึงทำให้คนของทั้ง 2 พรรค และบรรดากองเชียร์ต่างต้องลุ้นกันด้วยใจระทึกว่า ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ยังจะมีชื่อพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทยอยู่ในกระดานการเมืองหรือไม่
คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ กรณี 3 แกนนำกลุ่มราษฎร จากการชุมนุมเมื่อ 10 ส.ค.63 ว่ามีพฤติกรรมล้มล้างการปกครอง เซาะกร่อนบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อาจส่งผลสะเทือนถึงพรรคการเมือง ที่เคยมีส่วนร่วมในการเคลื่อนไหวในช่วงที่ผ่านมาอย่างปฏิเสธไม่ได้
ความสุ่มเสี่ยงในฐานะผู้ให้การสนับสนุนการชุมนุมเคลื่อนไหวของม็อบ 3 นิ้ว ที่มุ่งข้อเรียกร้องทะลุเพดาน กำลังจะกลายเป็นศรย้อนกลับมาทิ่มแทงตัวเองหรือไม่
เมื่อปรากฎภาพพฤติกรรม ความเคลื่อนไหวของ ส.ส.และกรรมการบริหาร “พรรคก้าวไกล” หลายคน ที่แทบจะเป็นเนื้อเดียวกันกับม็อบ 3 นิ้วในช่วงที่ผ่านมา
โดยเฉพาะการใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.ประกันตัวแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม ที่ถูกตั้งข้อหารุนแรงจากการเคลื่อนไหวในคดีอาญา มาตรา 112
ตอนนั้นคงไม่มีใครวิตกกังวล จนเมื่อมีคำวินิจฉัยของศาล หลายคนที่เป็นผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ในสภา อาจกำลังอยู่ในอาการหลอน ว่าผลของการกระทำที่ผ่านมาจะนำพาพรรคไปสู่จุดจบเดียวกันกับพรรคอนาคตใหม่หรือไม่
ยังไม่นับรวมกรณีอื่นๆ ของ ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ที่คอยให้ความช่วยเหลือให้กำลังใจแกนนำ อำนวยความสะดวกในการชุมนุมหลายเวที ตรงนี้จึงเป็นเกมเสี่ยงของพรรคสีส้ม
ขณะเดียวกัน “พรรคเพื่อไทย” เองก็เป็นอีกพรรคที่ถูกจับตามองว่า จะได้รับผลสะเทือนอันใหญ่หลวงจากกรณีล้มล้างการปกครองด้วยหรือไม่
แม้ว่าคนของเพื่อไทยแทบจะไม่ค่อยเห็นใครออกหน้า สนับสนุนม็อบชัดเจนเหมือนก้าวไกล แต่กลับมีเสียงลือลั่นถึงพฤติกรรมหลังฉากของ “สตรี” รายหนึ่ง ที่ใกล้ชิดกับบรรดาบิ๊กเพื่อไทยและคนแดนไกล ด้วยการต่อท่อน้ำเลี้ยงส่งตรงไปสนับสนุนการชุมนุมในช่วงปลายปี 2563
ประเด็นนี้ กำลังถูกแกะรอยควบคู่ไปกับพฤติกรรมอื่นๆ ที่สุ่มเสี่ยงของเพื่อไทย แม้พยายามใช้วิทยายุทธ เหยียบหิมะไร้ร่องรอยแล้วก็ตาม
นอกจากนั้น ยังมีคำบอกเล่า และตั้งข้อสังเกตถึงความสัมพันธ์ของ “สตรีแดนไกล” คนหนึ่ง กับชายคนสนิทข้างกายชาวต่างชาติ ที่ทำธุรกิจด้านการขนส่งในต่างแดน มีการส่งท่อน้ำเลี้ยงเข้ามายังเครือข่ายในประเทศ ผ่านทาง “เสี่ย พ.” กำลังถูกแกะรอยด้วยเช่นเดียวกัน
แม้ยังไม่แน่ชัดว่า ท่อน้ำเลี้ยงที่เล่นแร่แปรธาตุลำเลียงเข้าไทย ถูกนำไปใช้ในวัตถุประสงค์ใด แต่ฝ่ายตรงข้ามเริ่มเห็นเค้าลางชัดขึ้นเรื่อยๆ ว่า ใครกำลังคิดอ่าน และลงมือทำอะไร
เรื่องนี้จะสอดคล้องหรือไม่กับกรณีของ แอมมี่ เดอะ บอททอมบลูส์ หรือ ไชยอมร แก้ววิบูลพันธุ์หนึ่งในแกนนำม็อบราษฎร ที่เคยออกมาโพสต์เฟซบุ๊ค ระบุว่า “การเรียกร้องครั้งนี้มันมีค่ามากกว่าผลประโยชน์นานาประการ โควตา ส.ส.ที่ใช้ในการประกันตัว ต้องยกให้ก้าวไกล แต่ก้าวไกลก็ขี้เหนียว กลับกันเป็นเพื่อไทยที่สู้ไปกราบไป ที่คอยสนับสนุนเงินทุนบ้าง”
เรื่องนี้จึงทำให้คนของทั้ง 2 พรรค และบรรดากองเชียร์ต่างต้องลุ้นกันด้วยใจระทึกว่า ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ยังจะมีชื่อพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทยอยู่ในกระดานการเมืองหรือไม่