“ผกก.หนุ่ย”แมวเก้าชีวิต บอดี้การ์ด "ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ"
ฉากชีวิตของ “ผกก.หนุ่ย” ที่ล้มลุกคลุกคลานในแวดวงสีกากี มีช่วงที่บารมีเบ่งบานไปพร้อมกับตระกูล “ชินวัตร” และช่วงที่ตกต่ำไปพร้อมกับตระกูล “ชินวัตร” เช่นเดียวกัน
ชื่อของ “ผกก.หนุ่ย” พ.ต.อ.วทัญญู วิทยผโลทัย อดีตนายตำรวจติดตาม “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาอยู่ในโฟกัสของวงการสีกากีอีกครั้ง หลังมีคำสั่งให้ขยับเป็น รองผู้บังคับการกลุ่มงานผู้เชี่ยวชาญการข่าว กองบัญชาการตำรวจสันติบาล (รอง ผบก.กชข.)
ในแวดวงการเมืองรู้กันดีว่า “ผกก.หนุ่ย” เป็นคนที่ตระกูล “ชินวัตร” ไว้ใจมากที่สุดคนหนึ่ง เนื่องจาก “ผกก.หนุ่ย” เคยเป็นบอดี้การ์ดคู่ใจของ “โทนี่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และให้มาดูแลอารักขา “ยิ่งลักษณ์” ในช่วงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วย
“ผกก.หนุ่ย” จบนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 49 บรรจุครั้งแรกในกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ก่อนเข้ามาอยู่ในสำนักงาน “พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์” อดีต ผบ.ตร.
โดย “ผกก.หนุ่ย” เข้ามาอยู่ในทีมอารักขา “ทักษิณ” ในช่วงปลายรัฐบาล ก่อนถูกพิษรัฐประหาร 2549 ทำให้ “ผกก.หนุ่ย” โดน “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส” ผบ.ตร.ในขณะนั้น เซ็นคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 91/2551 ลงวันที่ 6 ก.พ.2551 ย้ายไปเป็น สว.สป.สภ.กรงปินัง จ.ยะลา
ทว่าตระกูล “ชินวัตร” ไม่ปล่อยให้ “ผกก.หนุ่ย” ตกระกำลำบากนาน โดย “พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์” รอง ผบ.ตร.ในขณะนั้น มีคำสั่งขอตัว ผกก.หนุ่ยมาช่วยราชการในสำนักงานรอง ผบ.ตร. ประจวบกับพรรคพลังประชาชน ชนะการเลือกตั้ง “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” จึงมีคำสั่งโยกย้าย ผกก.หนุ่ยกลับสันติบาลเป็น สว.ฝขว.10 บก.ส.1 มีหน้าที่ดูแลเขต “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ของ “คุณหญิงอ้อ” คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยาของ “ทักษิณ” เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2551
และต่อมาในปี 2554 พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ส่ง “ยิ่งลักษณ์” นั่งเก้าอี้นายกฯ โดยมี “ผกก.หนุ่ย” มาทำหน้าที่บอดี้การ์ด คอยอารักขารักษาความปลอดภัยตั้งแต่วันแรกที่ “ยิ่งลักษณ์” เดินเข้าตึกไทยคู่ฟ้า
งานของ “ผกก.หนุ่ย” นอกจากจะติดตาม “ยิ่งลักษณ์” เสมือนเงาตามตัว อีกงานที่ “ผกก.หนุ่ย” ทำได้เข้าตานาย คือการประสานงานกับสื่อมวลชน แม้กระทั่งคอยจัดวางมุมกล้อง เพื่อให้ภาพลักษณ์นายกฯหญิงที่สื่อสารผ่านสื่อมวลชนออกมาเป็นมุมบวก
จากนั้น “พล.ต.อ.เพรียวพันธ์” ขึ้นเป็นผบ.ตร. ได้เซ็นแต่งตั้งนอกวาระให้ “ผกก.หนุ่ย” ขยับขึ้นเป็น รอง ผกก. ในตำแหน่งผู้ช่วยนายเวร (สบ.3) ก่อนหนึ่งในรายชื่อผู้เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตร ผกก.รุ่น 92 ที่วิทยาลัยการตำรวจ
โดยวันที่ 14 มิ.ย. 2556 “พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว” ผบ.ตร. ในขณะนั้น ได้เซ็นคำสั่งแต่งตั้ง “ผกก.หนุ่ย” ให้ขึ้นเป็นระดับผู้กำกับการ ในตำแหน่งผู้ช่วยนายเวร (สบ.4) ผบ.ตร.
ทว่าภายหลังการรัฐประหาร 2557 “ผกก.หนุ่ย” เลือกเก็บตัวเงียบ โดยความสัมพันธ์กับตระกูล “ชินวัตร” ไม่เคยเปลี่ยน “ผกก.หนุ่ย” ยังคงอารักขา “ยิ่งลักษณ์” เหมือนเดิม แต่ทำแบบลับๆ ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะด้วยหน้าที่ทางราชการ
กระทั่ง 27 ก.ย. 2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุก “ยิ่งลักษณ์” 5 ปี ในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว โดย “ยิ่งลักษณ์” หลบหนีออกนอกประเทศ ไม่มาฟังคำพิพากษาของศาล ชื่อของ “ผกก.หนุ่ย” คือผู้ต้องสงสัยคนแรกที่ให้การช่วยเหลือ
“ผกก.หนุ่ย” ยืนกรานมาตลอดว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางแผน พา “ยิ่งลักษณ์” หนีออกนอกประเทศ
ทว่า 13 ก.ย. 2561 กลับมีภาพ “ผกก.หนุ่ย” อยู่ข้างกาย “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ที่สนามลุซนิกิ สเตเดียม ประเทศรัสเซีย ขณะเชียร์ฟุตบอลโลกรอบรองชนะเลิศระหว่างอังกฤษ-โครเอเชีย จนนำมาสู่การตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีดังกล่าว
โดย “พ.ต.อ.สุทธิพงศ์ แจ้งอริยวงศ์” รองผบก.อก.บช.ส. ในขณะนั้นเป็นประธานสอบ ระบุว่า “ผกก.หนุ่ย” เดินทางออกนอกประเทศ 9 - 10 ครั้ง โดยไม่ขออนุญาตผู้บังคับบัญชา และไม่มีการลาราชการตามระเบียบของทางราชการ
ต่อมาวันที่ 3 ธ.ค. 2562 มีกระแสข่าวว่า “ผกก.หนุ่ย” ถูกปลดออกจากราชการ ก่อนที่เจ้าตัวจะยื่นอุทธรณ์คำสั่ง ต่อคณะอนุกรรมการ ก.ตร.เช่นกัน ซึ่งการยื่นอุทธรณ์มีระยะเวลาประมาณ 2 ปี
ทั้งหมดคือฉากชีวิตของ “ผกก.หนุ่ย” ที่ล้มลุกคลุกคลานในแวดวงสีกากี ที่มีทั้งช่วงบารมีเบ่งบานไปพร้อมกับตระกูล “ชินวัตร” และตกต่ำไปพร้อมกับตระกูล “ชินวัตร” เช่นเดียวกัน
จากนี้ต้องจับตาว่าการกลับมาผงาดในวงการสีกากีของ “ผกก.หนุ่ย” จะมีดีลการเมืองอยู่เบื้องหลังหรือไม่ เพราะทุกย่างก้าวของนายตำรวจแมว 9 ชีวิตนายนี้ ยังผูกโยงกับตระกูล “ชินวัตร” อย่างแนบแน่น