สแกน "ผบ.เหล่าทัพ-ตร." ทิ้งทวน ดัน "ประยุทธ์" คัมแบ็ค ปี 66
การวางตัว “แคนดิเดต” ที่เข้ามานั่ง “เก้าอี้ ผบ.เหล่าทัพ” ที่ว่างลงทั้ง “ทหาร-ตำรวจ” ถือว่ามีความพร้อม เหลือเพียงฝ่ายการเมืองที่ “หัวหน้าป้อม”ต้องคอนโทรลให้ พปชร. - พรรคร่วมรัฐบาล เป็นเนื้อเดียวกัน นำพารัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์”ผ่านเทอมสุดท้ายให้อยู่รอดปลอดภัย
หาก “พลังประชารัฐ” ไม่แตกไปเสียก่อน และพรรคร่วมรัฐบาลยังเหนียวแน่นตามที่ “หัวหน้าป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี การันตีไว้ เป้าหมายที่จะให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บริหารงานครบเทอม 4 ปี และกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 2 เมื่อพรรคพลังประชารัฐชนะเลือกตั้งปี 2566 ไปจนครบ 4 ปี ในปี 2570 ก็ยังคงเดิม
ตัวเลข 2566 มีความสำคัญ เพราะเป็นปีที่ “บิ๊กแก้ว -บิ๊กบี้” พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.ทสส.) พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ( ผบ.ทบ.) จะทำงานเคียงข้าง“ พล.อ.ประยุทธ์” ดูแลกองทัพไม่ให้แตกแถว รองรับการเลือกตั้งครั้งหน้าก่อนเกษียณอายุราชการ
ในปีนี้ 2565 บทบาทของ “บิ๊กแก้ว -บิ๊กบี้” คงไม่ต่างจากปีที่แล้ว คือการปกป้อง พิทักษ์ เทิดทูนสถาบัน ดูแลความสงบเรียบร้อยงานด้านความมั่นคง รักษาอธิปไตย ช่วยเหลือประชาชน แก้ปัญหาโควิด-19 และสนองนโยบายรัฐบาล เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมให้เอื้ออำนวยต่อการบริหารงานของ “พล.อ.ประยุทธ์”
ทว่า จะมีเก้าอี้ “ผบ.เหล่าทัพ” ที่ว่างลงในเดือน ก.ย.2565 ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ตร.)
“ปลัดกระทรวงกลาโหม” คนใหม่สปอตไลท์จับไปที่ “บิ๊กหนุ่ม” พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม เตรียมทหารรุ่น 24 (ตท.24) อดีตผู้ช่วยทูตทหารบกที่ปารีส ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 (ผบ.พล.ร.9) ซึ่งเป็นทั้งน้องรัก พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์
ในส่วนของ “บิ๊กเฒ่า” พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผบ.ทร. แม้กำลังวุ่นๆ อยู่กับการจัดระเบียบลูกประดู่ และปรับภูมิทัศน์กองบัญชาการกองทัพเรือ วังนันทอุทธยาน พระราชวังเดิม ให้กลับไปเป็นก่อนหน้าที่ “บิ๊กลือ” พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ อดีต ผบ.ทร. จะเข้ามาดำรงตำแหน่ง
ทำให้ต้องลุ้นกันว่าทายาทของ “บิ๊กลือ” ที่เคยชวดเก้าอี้ ผบ.ทร. ในโผโยกย้ายที่ผ่านมาให้ กับ “บิ๊กเฒ่า” ต้องชวดต่อไปใน ก.ย. 2565 หรือไม่ ทั้ง บิ๊กโต้ง พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ รอง ผบ.ทร. (ตท.21) “บิ๊กปู” พล.ร.อ.สุทธินันท์ สมานรักษ์ ผู้ช่วย ผบ.ทร. (ตท.22) “บิ๊กแจ๊ค ”พล.ร.อ.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ (ตท.23) เสธ.ทร.
คนที่ถูก “โฟกัส” มากที่สุด “บิ๊กวิน” พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผบ.กองเรือยุทธการ (ตท.25) น้องชาย “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ที่เคยทำงานร่วมกับ “บิ๊กเฒ่า” มาก่อน
อีกทั้งยังเคยเป็น ผู้การเรือหลวงจักรีนฤเบศร ผู้ช่วยทูตทหารเรือ ประจำวอชิงตัน ดี.ซี. ผู้บัญชาการกองเรือลำน้ำ ผู้บัญชาการฐานทัพเรือกรุงเทพฯ โดยมีอายุราชการ 2568
“อาถรรพ์กองบิน 4” ยังมีมนต์ขลังหรือไม่ คงต้องวัดกันปีนี้ สำหรับ “บิ๊กหนึ่ง” พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา ผู้ช่วย ผบ.ทอ. (ตท.23) อดีตผู้การกองบิน 4 นักบินเอฟ 16 หลังพลาดเก้าอี้ ผบ.ทอ. ให้กับ “บิ๊กป้อง” พล.อ.อ.นภาเดช ธูปเตมีย์ ผบ.ทอ. คนปัจจุบันในโผโยกย้ายที่ผ่านมา
แต่ในความผิดหวัง ก็มีเรื่องที่น่ายินดี เพราะ “ บิ๊กหนึ่ง” ได้ร่วมคณะ “บิ๊กป้อง” ไปปฏิบัติภารกิจมอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชน และตรวจเยี่ยมหน่วยบนจุดที่สูงที่สุดในพื้นที่โคราช พร้อมกับสื่อมวลชนอีกชุดใหญ่ งานนี้เรียกได้ว่า เสมือนเป็นการเปิดตัวแคนดิเดต ผบ.ทอ. คนที่ 29 อยู่กลายๆ
แต่งานวันนั้นยังมี “บิ๊กต้น” พล.อ.อ.คงศักดิ์ จันทรโสภา (ตท.22) ผู้บัญชาการกรมควบคุมการปฏิบัติทางอากาศ (ผบ.คปอ.) คู่ซี้ “บิ๊กป้อง” อีกคน ซึ่งรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ ร่วมอยู่ด้วย ซึ่งพอทำนายได้ว่า น่าจะเป็นคู่ชิงเก้าอี้ ผบ.ทอ. กับ “บิ๊กหนึ่ง” ในอนาคต
ที่ลืมไม่ได้ยังมี “บิ๊กป้อม” พล.อ.อ. ธนศักดิ์ เมตะนันท์ รอง ผบ.ทอ. ที่ถูกโยกมาจากกองทัพไทย ทำให้มีความอาวุโสสูงสุด รวมถึง “บิ๊กไก่” พล.อ.อ.พันธ์ ภักดี พัฒนกุล เสธ.ทอ.
ฟาก “สีกากี” น่าสนใจไม่น้อยว่าใครจะมารับไม้ต่อจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจงยอดสุข ผบ.ตร. คุมม็อบ ซึ่งเป็นช่วงรอยต่อบริหารงานรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ครบปีที่ 4 และดูแลความเรียบร้อยรับการเลือกตั้งปี 2566 รวมถึงการประชุมเอเปคในปลายปีนี้
หากเช็ครายชื่อ แคนดิเดต ว่าที่ ผบ.ตร.คนที่ 13 ประกอบด้วย “บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ตท. 22 นรต.รุ่น 38 มือปราบไซเบอร์ เฟกนิวส์ “บิ๊กหิน” พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ มือสางทุจริตอมเบี้ยเลี้ยงโควิด-19 และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 24 และ นรต.รุ่น 40
หากพิจารณาการวางตัว “แคนดิเดต” ที่เข้ามานั่ง “เก้าอี้ ผบ.เหล่าทัพ” ที่ว่างลงทั้ง “ทหาร-ตำรวจ” ถือว่ามีความพร้อม
เหลือเพียงฝ่ายการเมืองที่ “หัวหน้าป้อม”ต้องคอนโทรลให้พลังประชารัฐ และพรรคร่วมรัฐบาล เหนียวแน่นสมัครสมานเป็นเนื้อเดียวกัน นำพารัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์”ผ่านเทอมสุดท้ายให้อยู่รอดปลอดภัย