"สนธิรัตน์"เผยพรรคใหม่ มีคนพร้อมนำประเทศ อุบ "สมคิด" ชิง "นายกฯ"

"สนธิรัตน์"เผยพรรคใหม่ มีคนพร้อมนำประเทศ อุบ "สมคิด" ชิง "นายกฯ"

"สนธิรัตน์" เผย สถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ ลำบากกว่าตอนตั้ง "พปชร." ชี้ ติดหล่มหลุมดำ ปัญหาสะสม ถึงตัดสินใจตั้งพรรคใหม่ ระบุ "สมคิด" ที่ปรึกษาที่ดี หนุนเดินการเมือง อุบ ชงชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ แย้ม มีคนที่พร้อมนำประเทศ ชี้ เร็วไปจะตอบหนุน "ประยุทธ์" หรือไม่

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมว.พลังงาน แกนนำกลุ่ม 4 กุมาร ให้สัมภาษณ์เนชั่นทีวีถึงความคืบหน้าในการตั้งพรรคการเมืองใหม่ว่า เดิมตั้งใจจะนัดพูดคุยกับสื่อมวลชนถึงทิศทางการเมืองที่เราจะเดิน ตั้งใจไว้หลังปีใหม่ แต่สถานการณ์โควิดที่เราเห็นวันนี้ยังไว้วางใจไม่ได้เมื่อเราบอกไปแล้วก็มีสื่อมวลชนสอบถามเข้ามาเยอะ ว่าตกลงจะเอาอย่างไรจะเดินอย่างไรโดยสถานการณ์ที่เรายังกังวลใจจึงโพสต์ Facebook เปิดใจว่า เราได้ตัดสินใจ ไม่เฉพาะเรา แต่ได้รวบรวมผู้คนและมีความพร้อมที่จะเดินหน้าทางการเมืองอีกครั้งหนึ่ง ก็จะตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา และดำเนินงานทางการเมืองต่อไป

เมื่อถามถึงแนวทางของพรรคการเมืองใหม่จะต่างหรือเหมือนกับแนวทางที่เคยทำงานกับพรรคพลังประชารัฐ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่าในสถานการณ์การเมืองแต่ละช่วงเวลามันเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป ตอนที่พวกตนได้อาสาตั้งพรรคพลังประชารัฐในตอนนั้น เราเข้าไปร่วมหลังจากพรรคจัดตั้งแล้ว และเราก็เห็นว่าจังหวะนั้นเป็นเวลาที่ประเทศไทยต้องการความต่อเนื่องด้านการบริหารจัดการ ต้องการให้ประเทศเดินหน้าต่อ พวกเราเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลนั้นอยู่ เราก็เห็นว่าสิ่งที่ทำไปหลายปีที่ผ่านมา หากไม่ต่อเนื่องก็จะเป็นสิ่งที่ประเทศเสียโอกาส ซึ่งประเทศไทยมักจะเสียโอกาสเสมอเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ อันนี้คือความตั้งใจที่ต้องการให้การบริหารบ้านเมืองมีความต่อเนื่องในตอนที่ตั้งพรรคและดำเนินการพรรคพลังประชารัฐในตอนนั้น แต่ว่าครั้งนี้มันเป็นอีกเรื่อง เป็นสถานการณ์ที่แตกต่างไปจากครั้งที่แล้ว เป็นสถานการณ์ที่บ้านเมืองเราค่อนข้างลำบากกว่าครั้งที่แล้วมาก 

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เราเจอผลกระทบของโควิดค่อนข้างมากกระทบชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน ข้อสำคัญก็คือในช่วงปีครึ่งที่เราไม่ได้อยู่ในรัฐบาล ก็ได้เฝ้าดูสถานการณ์ ขณะนี้ก็เห็นว่าบ้านเมืองมีหลายปัญหา ที่คิดว่าเป็นปัญหา เราค่อนข้างติดหล่มหลุมดำในบางเรื่อง จากการสะสมของปัญหาที่ผ่านมา เราก็มีการพูดคุยกัน ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ คิดจะตั้งพรรค  

 

เราได้มีการพบปะพูดคุยทุกภาคส่วนต่างๆ มาเป็นระยะเวลาพอสมควร รวบรวมบุคคล และได้รวบรวมผู้คนที่มีความเห็นคล้ายๆ กันจะมาช่วยกันคิดช่วยกัน จะทำได้อย่างไรบ้าง จนกระทั่งเราคิดว่าเรามั่นใจแล้วว่า เรามีคนที่จะร่วมกัน ช่วยกันเป็น ก็เลยตัดสินใจร่วมกันว่าเราจะตั้งพรรคการเมืองและเดินหน้าเข้ามาเพื่อมีส่วนในการช่วยแก้ปัญหาบ้านเมือง

 

เมื่อถามว่า ทำไมเลือกตั้งพรรคการเมืองเองแทนที่จะไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นที่มีอยู่แล้ว นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เรื่องพรรคการเมืองอื่นเราก็พยามพูดคุยกับทุกฝ่ายในเวลาที่ผ่านมา ทั้งพรรคที่มีอยู่แล้ว แต่ในทางการเมืองบางทีวิธีการทำงาน หรือช่วงเวลากว่าจะลงตัว มันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ดังนั้น เราก็ประเมินว่า เมื่อสถานการณ์ของบ้านเมืองในปัจจุบันและระยะเวลาที่เหลืออยู่เมื่อมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ มีผู้ที่มีความรู้ความสามารถมาร่วมกันทำในกลุ่มก้อนที่มีพลังเพียงพอ เราก็เลยตัดสินใจตั้งพรรคของเราขึ้นมา เพื่อที่จะได้ดำเนินการทางการเมืองต่อไปความจริงแล้วเราไม่ได้ปฏิเสธที่จะพบปะพูดคุยกับกลุ่มการเมืองต่างๆ พรรคต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่การเมืองมีการพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนกันตลอดเวลา

เมื่อถามต่อว่ากลุ่ม 4 กุมารในอดีตจะกลับมาทั้งหมดหรือแค่บางส่วน นายสนธิรัตน์ กล่าวว่าตอนนี้ก็มีตนและนายอุตตมที่จะเดินกลับมาเต็มตัว ส่วนนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ กับนายกอบศักดิ์ภูตระกูล ก็ยังเป็นห่วงบ้านเมือง เพียงแต่มีภารกิจในการทำงานด้านอื่นกันอยู่ ซึ่งพวกเราเป็นทีมเดียวกันเป็นเพื่อนกัน ความรู้สึกผูกพันการทำงานร่วมกัน เรายังพบปะพูดคุยกันสม่ำเสมอ เพียงแต่บทบาททางการเมือง ทั้งสองคนก็ยังสนุกอยู่กับงานประจำที่ทำอยู่ขณะนี้ แต่ก็คงจะช่วยกันเท่าที่ช่วยกันได้ในการทำงานการเมืองต่อไป

เมื่อถามถึงนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ จะมีสถานะใดในพรรคนี้ นายสนธิรัตน์กล่าวว่า นายสมคิดเป็นที่ปรึกษาของพวกเรา และเป็นผู้ที่ให้ความคิดกับเราในด้านการทำงานบ้านเมืองมาโดยตลอด แม้กระทั่งปัจจุบันเราทำอะไรก็ยังปรึกษาว่า เราคิดอย่างนี้ ท่านคิดอย่างไร นายสมคิดยังเป็นที่ปรึกษาที่ดี เป็นผู้ให้กำลังใจ สนับสนุนเราให้เดินหน้าทางการเมืองคิดว่าเห็นว่าปัญหาบ้านเมืองต้องช่วยกันนายสมคิดยินดีสนับสนุนและให้กำลังใจพวกเราเต็มที่ในการเดินหน้าทางการเมือง

เมื่อถามถึงกระแสข่าว จะมีชื่อ นายสมคิดเป็นหนึ่งในสามแคนดิเดตนายกฯของพรรคตั้งใหม่นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ผมคิดว่าสังคมพอเห็นผมกับนายอุตตมที่ได้เคลื่อนไหวทางการเมืองแน่นอนก็คงจะมองเลยไปถึงนายสมคิดว่าจะอยู่ตรงไหนในบทบาทใด อย่างไร ผมคิดว่านายสมคิดเอง เป็นหนึ่งในบุคลากรของประเทศที่มีคุณค่า แต่ทั้งหมดทั้งมวลเรายังไม่ถึงเวลาตรงนั้นรวมทั้งพรรคก็เพิ่งเริ่มก่อตั้ง ท่านจะอยู่ในบทบาทใดอย่างไรก็ตาม ท่านไม่ทิ้งพวกผมไม่ว่าจะเดินหน้าอย่างไรก็ตาม ดังนั้น ก็คงต้องให้เวลาพรรคได้ทำงานคืบหน้าไปก่อน

แล้วก็ต้องเรียนว่าแคนดิเดตนายกฯเป็นเรื่องที่สำคัญของพรรคการเมือง แคนดิเดตนายกฯของเรามีหลักการที่มองหาคือ จะต้องมีความรู้ความสามารถที่จะนำพาประเทศไปได้ นั่นคือหัวใจที่ใหญ่มาก จะต้องรวบรวมพลังผู้คนให้ได้ เดินหน้าด้านต่างประเทศในการฟื้นประเทศได้ เป็นต้นใครก็ตามที่อยู่ในคุณสมบัติเหล่านี้ที่เรามองหา อยากให้พรรคได้เป็นคนนำเสนอ ถ้าเป็นไปได้อันนี้คือหลักของพรรคในเบื้องต้น ส่วนจะเป็นใครอย่างไร ยังมีระยะเวลาดำเนินการกันต่อไป

เมื่อถามย้ำว่า ต้องมีแคนดิเดตนายกฯของพรรคเองหรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เมื่อเราตั้งพรรคการเมือง เราต้องมีบุคลากรที่พร้อมที่จะเป็นผู้นำพร้อมจะนำพาประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องดำเนินการเรากำลังสรรหาบุคลากรเหล่านี้อยู่ เพื่อเข้ามาช่วยกันแก้ปัญหาบ้านเมือง

เมื่อถามว่า สรุปใช้ชื่อพรรคอะไร ยังสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่อีกหรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เรื่องชื่อพรรคขอให้ขั้นตอนทางกฎหมายเรียบร้อยก่อนให้สมบูรณ์แบบนิดนึงเราพร้อมที่จะเปิดภายในเดือนมกราคมนี้ พร้อมเปิดพรรคเปิดรายละเอียดต่างๆ

ส่วนคำถามที่ว่ายังสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์อีกหรือไม่ อันนี้ถามไปไกล เพราะยังไม่รู้เลยว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร อนาคตของแต่ละพรรคจะเป็นอย่างไร คงเร็วมากที่จะตอบสิ่งเหล่านั้น แต่หลักเกณฑ์ที่เรามีคือการทำพรรคการเมืองต้องตอบปัญหาประชาชนให้ได้ ต้องสามารถดำเนินการทางการเมืองและเป็นประโยชน์ต่อประชาชน เพราะฉะนั้นคำตอบนี้ยังไม่สามารถตอบได้เพราะยังไม่ทราบผลจริงๆว่าเราจะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนมากน้อยแค่ไหนและผลเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร ยังเร็วมากที่จะตอบในวันนี้

เมื่อถามว่า กติกาใหม่จะส่งครบทั้ง 400 เขตหรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า อันนั้นเป็นหน้าที่เมื่อเราลงมาก็ต้องเข้าใจกติกาใหม่ที่เกิดขึ้นบัตร 2 ใบและ 400 เขต เราได้เตรียมการไว้ในทิศทางนี้อยู่ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดนายสนธิรัตน์ ได้โพสต์เฟซบุ๊คพร้อมกับนายอุตตม สาวนายน อดีตรมว.คลัง เนื้อหาว่า พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่านครับ ก่อนปีใหม่ มีพี่น้องสื่อมวลชน และประชาชนจำนวนมาก สอบถามผมและคุณอุตตม เรื่องเส้นทางทางการเมืองว่าเราสองคนจะทำงานการเมืองอีกไหม ตั้งพรรคหรือไม่ หรือไปร่วมกับใคร อย่างไร

เดิมที เราได้เตรียมนัดสื่อมวลชน เพื่อเล่าถึงความคืบหน้าในการดำเนินการทั้งหลาย ในช่วงสัปดาห์แรกของปี 2565 แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนซึ่งกำลังเป็นที่กังวลและรัฐบาลได้ขอความร่วมมือในการหลีกเลี่ยงจัดกิจกรรมต่างๆ ในช่วงสองสัปดาห์แรกของปี ผมและคุณอุตตม จึงเห็นว่า เราควรให้ความร่วมมือกับมาตรการของรัฐ จึงขอสื่อสารเจตนารมณ์ ผ่านช่องทางออนไลน์จะเป็นการเหมาะสมกว่า

ผมขอเรียนว่าหลังจากลาออกจากตำแหน่งทางการเมือง ทุกตำแหน่ง เมื่อราว 1 ปีครึ่ง ที่ผ่านมาก็ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์บ้านเมือง ในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจระดับชาติและที่ระดับฐานราก ความขัดแย้งทางการเมืองที่ถลำลึก เรื่องความยุติธรรมที่เป็นปมปัญหาและไม่เสมอภาคของประเทศ ที่ทำให้ประเทศ ทำให้คนไทยเสียโอกาส ด้วยความห่วงใยมาโดยตลอด

ระยะเวลาปีครึ่งที่ผ่านมา พวกผมได้มีโอกาสรับฟัง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้คนมากหน้าหลายตาจากหลากแวดวง และได้พบปะพี่น้องประชาชนในหลายกลุ่ม หลายจังหวัด ที่ต่างส่งเสียงสะท้อนปัญหาว่ากำลังมองไม่เห็นอนาคตของประเทศ และไม่เห็นผู้คนในโครงสร้างของวันข้างหน้า

มีข้อเสนอมากมายที่ให้พวกเราเข้าร่วมกับพรรคการเมืองต่างๆ รวมทั้งการตั้งพรรคการเมืองที่ไวต่อความเปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคตของไทย จากการพบปะแลกเปลี่ยนความเห็นกับกลุ่มคนที่ต้องการหาทางออกของประเทศ จึงได้ตัดสินใจร่วมกันว่า เราควรร่วมกับผู้มีจิตสาธารณะฟื้นฟูประเทศ ตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา โดยการรวบรวมผู้คนเพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วน ทุกรุ่นทุกวัย มีส่วนร่วมผสานรอยต่อในการสร้างอนาคตของประเทศร่วมกัน

ขณะนี้คณะผู้ก่อตั้งพรรคกำลังดำเนินการในการจดแจ้ง จัดตั้งพรรคการเมืองที่เป็นทางเลือกใหม่ของสังคมซึ่งจะเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่นี้อย่างเป็นทางการภายในเดือนนี้ (มกราคม)

ส่วนแนวทางหรือจะมีใครเข้าร่วมบ้าง อย่างที่เรียนครับ ภายในเดือนนี้จะประกาศอย่างเป็นทางการ รอคณะผู้จัดตั้งพรรคดำเนินการ เพราะพรรคการเมืองใหม่ที่จะเกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่พรรคที่ผมหรือคุณอุตตมเป็นเจ้าของ เราเป็นเพียงสองผู้มีส่วนร่วมเท่านั้น

ที่ผ่านมามีคำถามมามาก เราจึงขอเรียนพี่น้องประชาชนถึงความชัดเจน ว่าเรากำลังทำพรรคการเมืองใหม่กับผู้ร่วมอุดมการณ์อีกหลายคนอย่างแน่นอน ครับ

ส่วนจะมีใครบ้าง -พรรคชื่ออะไร -ใครเป็นหัวหน้าพรรค หรือกรรมการบริหารพรรค ต้องรอคณะผู้ก่อตั้งพรรคตกลงกันก่อนครับ แต่ยืนยันได้ว่า พรรคการเมืองใหม่นี้ จะมีผู้เข้าร่วมมากมาย ทั้งผู้มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจ-ภาคประชาชน-นักวิชาการ -อดีตผู้แทนราษฎร รวมทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในปัจจุบัน เพราะทุกคนเหล่านี้ เห็นร่วมกันว่าวันนี้การเมืองในสภาพปัจจุบัน มิใช่การเมืองเพื่ออนาคตประเทศ แต่เราจะต้องมาสร้างอนาคตประเทศไทยในวันนี้ เพื่อส่งต่อให้คนทุกรุ่นทุกวัย อยู่ร่วมกันอย่างมีอนาคต!!