"วุฒิสภา" จี้ "รบ." ออกร่างกม.ขัดผลประโยชน์ ฟื้นดัชนีความโปร่งใส
กมธ.วุฒิสภา เสนอรายงาน ชี้ ดัชนีทุจริต ไทยต่ำกว่ามาตรฐานโลก เพราะออกกฎหมายป้องกันขัดผลประโยชน์ล่าช้า ด้าน "วันชัย" ซัด "ขรก." เกษียณรับใช้นายทุน ไร้เกียรติ ก่อนถูก "พรเพชร" เบรก
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานที่ประชุมได้พิจารณา รายงานเรื่อง บทวิเคราะห์กฎหมายว่าด้วยความผิดกกรณีการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม ตามที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ที่มีนายกล้าณรงค์ จันทิก เป็นประธานกมธ. เสนอ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายงานดังกลาวชี้ชัดถึงกรณีที่ประเทศไทยได้รับการประเมินดัชนีรับรู้การทุจริต หรือ ซีพีไอ ขององค์การเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ต่ำว่าคะแนนเฉลี่ยมาตรฐานโลก ในช่วง5 ปีที่ผ่านมา เพราะพบว่ามีการขัดกันแห่งผลประโยชน์ จากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ รวมถึงรัฐวิสาหกิจและองค์กรอิสระ ที่มีพฤติกรรมแสวงหาประโยชน์จากการใช้อำนาจรรัฐโดยมิชอบด้วยการเรียกรับสินบน สินน้ำใจ และใช้ทรัพย์สินของราชการและงบประมาณเพื่อประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง รวมถึงเลือกปฏิบัติในการใช้อำนาจเพื่อแสวงหาประโยชน์ส่วนตน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในรายงานระบุด้วยว่า กมธ.เรียกร้องให้เร่งจัดทำกฎหมายว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกับระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม เพราะเป็นกฎหมายสำคัญตามแผนปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามกการทุจริตและประพฤติมิชอบ ทั้งนี้กฎหหมายดังกล่าวเสนอต่อฝ่ายนิติบัญญัติ ในช่วงสมัยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) 2 ครั้ง แต่ไม่สามารถประกาศใช้เป็นกฎหมายได้
“กมธ. เห็นว่า ควรนำร่างกฎหหมายว่าด้วยความผิดกรณีการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ... ที่เสนอต่อ สนช. มาปรับปรุงให้ทันสถานการณ์ และนำอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริตและมาตรการอื่นที่ใช้เป็นสากลปรับปรุงเป็นกฎหมายให้ชัดเจนและครอบคลุมทุกระดับ ทั้งราชการส่วนกลาง, ราชการส่วนท้องถิ่น ,ฝ่ายการเมือง โดยเน้นการบริหารตามหลักธรรมาภิบาล, มีกลไกป้องกันยับยั้งการทุจริตเชิงรุก รวมถึงพัฒนาเครือข่ายต่อต้านทุจริต” รายงานระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการอภิปรายของส.ว.ได้สนับสนุนเนื้อหา ทั้งนี้ นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. อภิปรายโดยตั้งข้อสังเกต ต่อการทำงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ต้องรอผู้ร้องถึงจะทำงาน โดยที่ผ่านมา พบการทำที่ขัดประโยชน์ส่วนรวมหลายประการ เช่น การใช้ข้อมูลภายในราชการเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง การนำโครงการสาธารณะลงเขตเลือกตั้งเพื่อหวังผลทางกากรเมือง รวมถึงกรณีที่เครือญาติของข้าราชการการเมือง ที่เข้าไปมีผลประโยชน์และการรับงานในโครงการต่างๆ จากทางราชการ เป็นต้น
“ที่ผ่านมาการปฏิวัติ หรือเมื่อพูดถึงการปฎิรูป สิ่งที่เป็นประเด็นสำคัญ คือ การทุจริต ซื้อสิทธิขายเสียง เพราะมองว่าการเลือกตั้งต้องทำให้สุจริตเที่ยงธรรม แต่ 7-8 ปี จนถึงปัจจุบัน มาพบว่าวงจรอุบาทของการทุจริตเลวร้ายกว่าเดิม แม้มีคนที่ออกมาพูด แต่จนบางคนตายคาสภา ยังแก้ไม่ได้ สิ่งที่ผมอยากฝาก คือ ข้าราชการการเมืองที่ดำรงตำแหน่งทับซ้อนกัน แน่นอนว่าคนทำธุรกิจต้องการเงินและหวังกำไร หาช่องว่างทางกฎหมายทุกเม็ดเพื่อให้ได้ผลประโยชน์และกำไร ส่วนข้าราชการเกษียณที่รู้ช่องมักไปทำงานในบริษัทเอกชน ทั้งที่ข้าราชการของประเทศไทยทำงานเพื่อเกียรติ ศักดิ์ศรี ไม่ใช่หวังผลกำไร” นายวันชัย กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายวันชัย อภิปรายต่อประเด็นดังกล่าวนายพรเพชร ทักท้วงขอให้สรุปการอภิปราย ทำให้นายวันชัย กล่าวว่า "ขออนุญาติจบเท่านี้ครับท่านประธาน”.