“พิธา” เชื่อเลือกตั้งซ่อมใต้ไม่กระทบ “ก้าวไกล” ที่ กทม.-ปราศรัยใหญ่ 22 ม.ค.
“พิธา” นำทีมควง “เพชร กรุณพล” หาเสียง เชื่อ “เลือกตั้งซ่อม” ภาคใต้ไม่เป็นผลทำให้ “พรรคก้าวไกล” แพ้ ส.ส.หลักสี่ ชี้บริบทต่างกัน นัดปราศรัยใหญ่ 22 ม.ค. ลั่นคนชิง “ผู้ว่าฯ กทม.” สู้ “ชัชชาติ-สุชัชวีร์” ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2565 ที่ตลาดเช้าวิภาวดี 64 พรรคก้าวไกล นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่ช่วยนายกรุณพล เทียนสุวรรณ หรือ “เพชร กรุณพล” ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตหลักสี่-จตุจักร หาเสียงแนะนำตัว โดยบรรยากาศประชาชนให้การตอบรับดี ทักทายอย่างเป็นกันเองและขอถ่ายรูป นอกจากนี้ยังมีพรรคพลังประชารัฐ และพรรคกล้า ร่วมลงพื้นที่หาเสียงด้วย
นายพิธา กล่าวว่า วันนี้การลงพื้นที่เป็นไปอย่างคึกคัก เพราะเห็นบรรยากาศของประชาธิปไตย ที่มีการแข่งขันกันนำเสนอผู้สมัคร นโยบายในยามที่ประเทศปั่นป่วน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี อยากให้รักษามาตรฐานในการลงพื้นที่พบปะประชาชนไว้ ขณะเดียวกันตนก็รู้สึกดีใจ ที่ในสัปดาห์นี้จะมีญัตติสภาด่วน เกี่ยวกับสินค้าราคาแพง นอกจากจะลงพื้นที่มาช่วยผู้สมัครหาเสียงแล้ว ก็มาเก็บข้อมูลด้วย ว่าจะมีเรื่องใดนำเสนอต่อรัฐบาลในสภาด้วย
นายพิธา กล่าวถึงการแก้ปัญหาราคาสินค้าแพงของรัฐบาลว่า ล่าช้าและที่ผ่านมายังแทบไม่มีสัญญาณอะไรบอกว่าเงินเฟ้อและทำให้สินค้าแพงขึ้น โดยยืนยันว่า งบประมาณกองทัพต้องเปลี่ยนเป็นงบประมาณเศรษฐกิจฐานราก ประเทศไทยถึงจะรอด ถ้าต้องการผู้แทนที่กล้าหาญ และเข้าใจระบบเศรษฐศาสตร์ ซึ่งนายกรุณพลเหมาะสม
"เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ที่รัฐบาลจะใช้ช่วงเวลาในการหาเสียงพูดถึงนโยบายเพื่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่กลับใช้เวลาในการโจมตีกันเองในรัฐบาล จึงอยากฝากไปยังรัฐมนตรีทั้ง 2 กระทรวง (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ,กระทรวงพาณิชย์) ว่าอย่าละเลยประชาชน ในช่วงที่กำลังลำบาก การลงเลือกตั้งเป็นการขอความไว้วางใจกับประชาชน และตอบสนองความต้องการของประชาชน คงไม่ใช่ช่วงที่ต้องการจะได้ผู้แทนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน ในช่วงที่ประชาชนกำลังลำบากขนาดนี้" นายพิธา กล่าว
ส่วนกลยุทธ์ในการหาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายนั้น นายพิธา กล่าวว่า จะต้องมีการปรับให้ละเอียดมากขึ้น พร้อมกล่าวถึงการจัดปราศรัยใหญ่ของพรรคในวันเสาร์ที่ 22 ม.ค. 2565 ที่ลานเสนานิคม 2 ว่าจะต้องทำให้เข้าไปอยู่ในใจของประชาชนมากที่สุด ในระยะเวลาที่เหลือ
ส่วนปัจจัยที่จะทำให้พรรคก้าวไกล ได้คะแนนมากขึ้นนั้น นายพิธา กล่าวว่า ไม่ใช่เพียงแค่รอยร้าวของรัฐบาล ยังมีบริบทในพื้นที่ซึ่งต้องเข้าใจว่าการเลือกตั้งซ่อมแต่ละครั้ง บริบทพื้นที่แตกต่างกัน ไม่สามารถเปรียบเทียบจากพื้นที่อื่นได้ แต่ในพื้นที่เขตหลักสี่ ตนมองว่าต้องสู้กับสังคมสู้วัย และปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นความท้าทายแบบใหม่ ที่ไม่ใช่แค่เรื่องของความมั่นคงและงบกองทัพเท่านั้น พร้อมย้ำว่าผู้สมัครของพรรคก้าวไกล กล้าชนทุกสถานการณ์ อีกปัจจัยหนึ่งคือฐานเสียงคนรุ่นใหม่ ที่ทำงานอยู่นอกเขตการเลือกตั้ง และอีกส่วนคือเรายังทำงานไม่หนักพอ แม้ผลลัพธ์ไม่ได้เป็นดั่งหวัง แต่พรรคก้าวไกล ทำงานเป็นทีม สัดส่วนคนรุ่นเก่าและใหม่แบบลงตัว พร้อมกล่าวไม่ท้อ แต่กลับมีกำลังใจเพิ่มขึ้น พร้อมพรรคก้าวไกลพร้อมสู้ต่อในเขตหลักสี่ เพื่อผลักดันให้นายกรุณพลเข้าสภาให้ได้
ส่วนปัญหาของรัฐบาลในปัจจุบัน จะส่งผลต่อคะแนนการเลือกตั้งครั้งนี้หรือไม่ นายพิธา มองว่า จากการที่ได้ลงพื้นที่ พบประชาชนเบื่อหน่ายรัฐบาล ต้องลองดูว่าสุดท้ายจะส่งผลมากน้อยแค่ไหน แต่ก็จะพยายามแก้ไขปัญหาให้ประชาชน พร้อมนำเสนอนโยบายให้รัฐบาลนำไปแก้ปัญหาควบคู่กัน อีกทั้งยังจะนำปัญหาไปหารือในที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อยื่นเป็นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 152 ต่อไป ซึ่งคาดจะยื่นได้ช่วงสัปดาห์นี้ แต่อย่างไรก็ตามคงต้องหารือกันอีกครั้ง พร้อมยืนยันว่า งานสภา ก็ไม่ละเลยในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ให้ทุกคนได้เห็นว่าสภามีโอกาสแก้ไขปัญหาให้ได้แน่นอน
เมื่อถามถึงการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ของพรรคก้าวไกล นายพิธา กล่าวว่า บุคคลดังกล่าวสามารถสู้กับนายชัชาติ สิทธิพันธุ์ และนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ได้อย่างแน่นอน หลังเปิดตัวอาจลงพื้นที่มาร่วมหาเสียงด้วย