สมบัติ 2 ล. ธุรกิจ “ร้าง” 3 แห่ง “เสี่ยเบี้ยว” ก่อนขอ พปชร.ทบทวนมติขับพ้นพรรค

ณ เวลานี้นอกเหนือจากชื่อ “บิ๊กสีกากี” ที่กำลังเดินเกม “ขย่ม” รัฐนาวา “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้ว

ชื่อของ “เสี่ยเบี้ยว” สมศักดิ์ พันธ์เกษม ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็กำลังได้รับการจับตาเช่นเดียวกัน เพราะก่อนหน้านี้ถูกมองว่าเป็น 1 ใน 21 ส.ส.กลุ่มก๊วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ทว่าเจ้าตัวกลับร่อนหนังสือด่วนถึง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ขอให้ “ทบทวน” มติดังกล่าว โดยอ้างว่า “ไม่รู้เรื่อง” และไม่ได้ร่วมลงมติด้วย

แม้ว่า “ไผ่ ลิกค์” คนสนิท “ผู้กองธรรมนัส” จะออกมาแฉทีหลังว่า “เสี่ยเบี้ยว” เข้าร่วมประชุม และร่วมยกมือโหวตด้วยก็ตาม แต่ในประเด็นข้อกฎหมายยังมีการถกเถียงกันอยู่ เนื่องจากการขับไล่สมาชิกพ้นพรรคการเมือง ถือเป็น “เรื่องใหญ่” และที่ผ่านมาพรรคต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนฯ เพื่อพิจารณาข้อกล่าวหา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องทำตัว “ปฏิปักษ์” กับพรรค

แต่กรณีของ “ผู้กองธรรมนัส-พวก” ยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนการกระทำผิด แต่ถูกมองว่าเป็นการเดินเกมทางการเมืองในลักษณะ “สมคบคิด” กันมากกว่า

นั่นจึงทำให้มีกระแสข่าวมาว่า พปชร.อาจมีการประชุมพรรคอีกครั้งเพื่อ “ทบทวน” มติขับ “ผู้กองธรรมนัส” เพื่อให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และข้อบังคับพรรคการเมือง

อ่านข่าว: ส่องทีม“พรรคพลังประวิตร” "2 สาขา"แบ่งภารกิจค้ำรัฐบาล

พลิกปูมโพรไฟล์ “เสี่ยเบี้ยว” สมศักดิ์ พันธ์เกษม เป็น “นักการเมืองดัง” ในพื้นที่โคราช นั่งเก้าอี้ ส.ส.ครั้งแรกตั้งแต่ปี 2538 ภายใต้สีเสื้อ “ชาติพัฒนา” กระทั่งปี 2544 พรรคได้ยุบรวมกับ “ไทยรักไทย” จึงได้เป็น ส.ส.โคราชสมัยที่ 4 ในนามพรรคไทยรักไทย ต่อมาเกิดรัฐประหารปี 2549 เจ้าตัว “เว้นวรรคการเมือง” ก่อนกลับมาเมื่อปี 2554 แต่ “สอบตก” ครั้งแรกในนามพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน กระทั่งกลับมามีบทบาททางการเมืองอีกครั้งกับพรรคพลังประชารัฐ ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.สมัยที่ 5

เป็นที่รู้กันว่า “สมศักดิ์ พันธ์เกษม” อยู่ในมุ้งเดียวกับ “วิรัช รัตนเศรษฐ” ส.ส.ชื่อดังเมืองย่าโม ที่ตอนนี้แผ่ขยายอิทธิพลล้น จ.นครราชสีมา และเป็นหนึ่งในทีมงาน “ผู้กองคนดัง” 

ทว่าการที่เจ้าตัวตัดสินใจออกมาขอให้พรรคทบทวนมติดังกล่าว กำลังถูกตั้งคำถามถึง "เหตุผลที่แท้จริง" ว่าเป็นอย่างไรกันแน่

ในมุมทรัพย์สิน “เสี่ยเบี้ยว” แจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. เมื่อปี 2562 มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 2,102,334 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 9,329,270 บาท

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2565 พบว่า เจ้าตัวเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) อย่างน้อย 3 แห่ง ถูกนายทะเบียนขีดชื่อว่า “ร้าง” ทั้งหมด ได้แก่

1.หจก.นรชาติเทรดดิ้ง จดทะเบียนเมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2530 (ถูกขีดชื่อว่าร้าง 16 ก.ย. 2552) ทุน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 31 หมู่ที่ 5 ถนนสายมูลบน ต.สะแกราช อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา วัตถุประสงค์ตอนจดทะเบียน ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง ปรากฏชื่อนายสมศักดิ์ พันธ์เกษม ลงหุ้น 5 แสนบาท นายกิตติ ศิริธงชัย ลงหุ้น 5 แสนบาท

2.หจก.ศุภดิษฐกิจ วิศวกรรม จดทะเบียนเมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2536 (ถูกขีดชื่อว่าร้าง 29 มิ.ย. 2555) ทุน 10 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 249 หมู่ที่ 11 อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา วัตถุประสงค์ตอนจดทะเบียน ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง ปรากฏชื่อ นายศุภดิษฐกิจ พันธ์เกษม ลงหุ้นด้วย เงินสด จำนวน 2,500,000.00 บาท นางสมใจ พันธ์เกษม ลงหุ้นด้วย เงินสด จำนวน 2,500,000.00 บาท นายสมศักดิ์ พันธ์เกษม ลงหุ้นด้วย เงินสด จำนวน 2,500,000.00 บาท นายเหี่ยว พันธ์เกษม ลงหุ้นด้วย เงินสด จำนวน 2,500,000.00 บาท

3.หจก.อมรทิพย์ แอนด์ แอสโซซิเอท จดทะเบียนเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2539 (ถูกขีดชื่อว่าร้าง 14 มี.ค. 2554) ทุน 1.2 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 58/26 ซอยเทเวศน์ 1 ถนนกรุงเกษม บางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร วัตถุประสงค์ตอนจดทะเบียน ประกอบกิจการนำเที่ยว ปรากฏชื่อ นางอมรทิพย์ มีนานนท์ ลงหุ้นด้วย เงินสด จำนวน 800,000.00 บาท นางบุษบากร รายวงศ์ ลงหุ้นด้วย เงินสด จำนวน 200,000.00 บาท นายสมศักดิ์ พันธ์เกษม ลงหุ้นด้วย เงินสด จำนวน 200,000.00 บาท

ก่อนหน้านี้ “เสี่ยเบี้ยว” เคยปรากฏชื่อเป็นกรรมการบริษัท ฟาร์ม 36, 38 จำกัด แต่ปัจจุบันเจ้าตัวไม่ได้มีชื่อเป็นกรรมการแล้ว

บริษัทแห่งนี้จดทะเบียนเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2546 ทุนปัจจุบัน 30 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 222 บ้านหนองผักหนอก หมู่ที่ 10 ต.คลองม่วง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา วัตถุประสงค์ที่ส่งงบการเงินปีล่าสุด ฟาร์มเลี้ยงไก่ ปรากฏชื่อ นางรัมภา ศรีทองสุข ประธานอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา เป็นกรรมการรายเดียว

นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2561 มีรายได้รวม 31,459,962 บาท รายจ่ายรวม 30,817,117 บาท เสียภาษีเงินได้ 128,568 บาท กำไรสุทธิ 514,275 บาท

ทั้งหมดคือโพรไฟล์ทางการเมือง-ธุรกิจของ “เสี่ยเบี้ยว” เท่าที่จะสืบค้นได้ในขณะนี้ ส่วนการตัดสินใจของเจ้าตัวจะทำให้ พปชร. “กลับมติ” ขับไล่ “กลุ่มผู้กองธรรมนัส” หรือไม่ ประการใด ต้องติดตามกันต่อไป