"นายกฯ" เชื่อ "ไทย-ซาอุฯ" โอกาสสร้างความร่วมมือเพียบ หนุนเม็ดเงิน ฟื้นเศรษฐกิจ
"โฆษกรัฐบาล" เผย "นายกฯ" เชื่อมั่น ฟื้นสัมพันธ์ "ไทย-ซาอุฯ" เป็นโอกาสความร่วมมือ รัฐ-เอกชน-ประชาชน เร่ง จัดหา "แรงงานฝีมือ" ป้อน ภาคบริการ - ก่อสร้าง ชี้ เปิดเที่ยวบินตรง พ.ค.นี้ สร้างเม็ดเงินจำนวนมาก หนุนฟื้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการทันที ภายหลังเสร็จสิ้นการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบีย อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 25 - 26 มกราคม 2565 ให้เร่งสานต่อข้อหารือด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย - ซาอุดีอาระเบีย
จากบริบทที่นายกรัฐมนตรี และ เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด (His Royal Highness Prince Mohammad bin Salman bin Abdulaziz Al Saud) มกุฎราชกุมารรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ได้เน้นย้ำความสำคัญของการส่งเสริมความสัมพันธ์ในระดับประชาชน จะเป็นรากฐานสำหรับความสัมพันธ์ที่กำลังเติบโตระหว่างทั้งสองราชอาณาจักรนั้น ได้ส่งผลถึงการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อผลักดันความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว แน่นอนว่าจะเปิดโอกาสให้เกิดการแลกเปลี่ยนแรงงาน ส่งเสริมเปิดโอกาสให้แรงงานไทยเข้าทำงานในภาคการท่องเที่ยว และบริการ แรงงานไทยมีศักยภาพ และมีฝีมือเป็นที่ต้องการที่ซาอุดีอาระเบีย
นายธนกร กล่าวว่า ซาอุดีอาระเบียให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวหนึ่งในเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ของซาอุดีอาระเบียเพื่อสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจโดยในช่วงที่ผ่านมาได้มีการเปิดตัวโครงการขนาดใหญ่และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ดังนี้
- โครงการ NEOM เมืองแห่งอนาคต เน้นใช้พลังงานสะอาด ไร้มลพิษ โดยตั้งเป้าหมายให้เป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีและเขตธุรกิจชั้นนำของโลก มีแผนคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในปี 2568 ซึ่งจะสร้างงานใหม่ได้กว่า 380,000 ตำแหน่ง
- เมือง Al-Ula แหล่งมรดกทางวัฒนธรรมและโบราณคดีของโลก ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์กลางการวิจัยทางโบราณคดีและการอนุรักษ์ระดับโลก (The Kingdoms Institute) และได้เปิดตัวเมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา
- โครงการ Red Sea Project โครงการพัฒนาหมู่เกาะริมชายฝั่งทะเลแดงในมณฑล Tabouk ซึ่งอยู่ใกล้กับเมือง Al-Ula เน้นการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวทางทะเลและชายฝั่ง เช่น การดำน้ำ ปีนเขา กีฬาผาดโผนต่างๆ ใช้พลังงานหมุนเวียนภายในโครงการทั้งหมด โดยคาดว่าจะเปิดตัวเฟสแรกในช่วงปลายปี 2565 และมีกำหนดการแล้วเสร็จในปี 2573 ซึ่งในช่วงของการก่อสร้างโครงการจะก่อให้เกิดการจ้างงานได้กว่า 70,000 ตําแหน่ง
ทั้งนี้ โครงการเหล่านี้ล้วนเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการไทย รวมไปถึงแรงงานฝีมือและกึ่งฝืมือของไทยให้สามารถเข้าทำงานได้มากขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะภาคธุรกิจการบริการ และการโรงแรม รวมทั้งจะส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน
ในโอกาสนี้ สายการบินแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย Saudi Arabian Airlines ประกาศเปิดเที่ยวบินตรง (Direct flights) จากซาอุดีอาระเบียมายังประเทศไทย โดยจะเปิดรับจองที่นั่งเร็วๆ นี้ คาดว่าจะเปิดการบินในช่วงเดือนพฤษภาคม 2565 ซึ่งจะสร้างเม็ดเงินด้านการท่องเที่ยวระหว่างกันจำนวนมาก ประกอบกับสอดคล้องกับนโยบายที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญคือ การเปิดประเทศ เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว ควบคู่กับกำหนดมาตรการด้านสาธารณสุขให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์โรคโควิด-19
“นายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นว่า การฟื้นฟูความสัมพันธ์ครั้งนี้ จะเป็นโอกาสให้เกิดความร่วมมือทั้งทางภาครัฐ เอกชน และประชาชน เชื่อมั่นว่าไม่เพียงโครงการขนาดใหญ่และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ของซาอุดีอาระเบียที่จะเป็นจุดเริ่มของความร่วมมือ การพัฒนาความสัมพันธ์ครั้งนี้ประเทศซาอุดีอาระเบีย ยังมีโอกาสเพื่อความร่วมมือระหว่างกันอีกมาก ทั้งในภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง ภาคการบริการ การค้าการลงทุนทางธุรกิจ ด้านพลังงาน อุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งทุกภาคส่วนที่กล่าวมาจะสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับประชาชนไทยได้อย่างต่อเนื่อง และถือเป็นรากฐานสำคัญต่อยอดความร่วมมืออื่นๆ ได้ในอนาคตต่อไป” นายธนกร กล่าว
พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์ ศิลาวงษ์