ผลซ่อมกทม.สะเทือนการเมือง พรรคปรับกลยุทธ์ “ประยุทธ์”เปลี่ยนพรรค ?
ต้องติดตามกลยุทธ-ยุทธศาสตร์ของแต่ละพรรคการเมือง ที่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยน เช่นเดียวกับการตัดสินใจของพล.อ.ประยุทธ์ ที่อาจจะต้องคิดทบทวนการอยู่ร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ และเส้นทางอนาคตการเมืองของตัวเอง
ผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม. เขต 9 จตุจักร หลักสี่ สะเทือนการเมืองภาพใหญ่ เนื่องจากจะเป็นตัวชี้วัดการวางกลยุทธในการเลือกตั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ทุกพรรคการเมืองต้องเตรียมวางเกม-วางแผน หาเสียงกันตั้งแต่เนิ่นๆ
เพราะชั่วโมงนี้ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ยิ่งการต่อรองภายในพรรคพลังประชารัฐ ที่พ่วงพรรคเศรษฐกิจไทยเข้ามาด้วย อาจเป็นเหตุแปรผันให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องตัดสินใจยุบสภาเร็วขึ้น
“กรุงเทพธุรกิจ” รวบรวมปัจจัยทางการเมือง กลเกมที่แต่ละพรรคจะต้องทบทวน กลยุทธที่แต่ละพรรคจะต้องขบคิดให้รอบคอบ เพื่อใช้สู้ศึกเลือกตั้งใหญ่
พรรคเพื่อไทย ชัยชนะของ “สุรชาติ เทียนทอง” ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ทำให้คะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยพุ่งสูงขึ้นอย่างทันที โดยเฉพาะคะแนนในพื้นที่กทม. ซึ่งจะเป็นพื้นที่หลักในการแย่งชิง ส.ส.จากพรรคการเมืองอื่น
นอกจากนี้ ยังถือเป็นการชนะเลือกตั้งซ่อมของพรรคเพื่อไทยครั้งแรก สร้างความครึกครื้น ฮึกเหิมให้กับพรรคเพื่อไทยได้ไม่น้อย โดยเฉพาะ “โทนี่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พร้อมจะทุ่มหมดหน้าตัก
จึงต้องจับตาดูว่า “ทักษิณ-เพื่อไทย” จะเดินเกมต่ออย่างไร จะมีดีลดึง-ดูด บรรดาผู้สมัครเกรดเอ-เกรดบี กลับมาจากพรรคของคู่แข่งหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ “ทักษิณ-เพื่อไทย” หยุดเลือดไม่ให้ไหลออกจากพรรคได้อย่างแน่นอน
พรรคก้าวไกล แม้จะพ่ายแพ้ให้กับพรรคเพื่อไทย แต่ต้องยอมรับว่าคะแนนของ “สุรชาติ” ที่ปักหลักอยู่ในพื้นที่อย่างยาวนาน ทำให้มีคะแนนส่วนตัวสูง ดังนั้นพรรคก้าวไกล จะมาหวังใช้เพียงกระแสอย่างเดียวเหมือนพรรคอนาคตใหม่ คงยากมาก
ยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกล จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนหากยังต้องการโกย ส.ส. เข้าสภา การคัดตัวว่าที่ผู้สมัคร จะเลือกแบบมีแบรนด์เหนือเมฆมาสู้คงไม่ได้แล้ว อาจจะต้องหันกลับมาเน้นผู้สมัครที่มีความผูกพันกับพื้นที่มากขึ้น ควบคู่ไปกับการสร้างกระแสพรรคให้ดีดตัวสูงขึ้น
นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลต้องคำนวณคะแนนของพรรคไทยรักษาชาติ พรรคลูกของพรรคเพื่อไทย ซึ่งถูกยุบพรรคก่อนการเลือกตั้ง 24 มี.ค. 2562 ด้วย เพราะในพื้นที่ของพรรคไทยรักษาชาติ คะแนนเคยเทมาที่พรรคอนาคตใหม่
เมื่อดูจากหลายปัจจัยแล้วพรรคก้าวไกลจำเป็นต้องปรับยุทธศาสต์การเลือกตั้งเยอะพอสมควร ไม่เช่นนั้นการเลือกตั้งใหญ่จำนวน ส.ส. ที่มีอยู่จะลดน้อยลง แถมจำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ในรูปแบบการเลือกตั้งใหม่อาจลดน้อยถอยลงกว่าเดิมด้วย
พรรคพลังประชารัฐ ความพ่ายแพ้อย่างยับเยินของ “มาดามหลี” สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ภรรยา “สิระ เจนจาคะ” อดีตส.ส.กทม. ส่งผลสะเทือนถึงพรรคพลังประชารัฐอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จากที่เคยชนะเลือกตั้งซ่อมหลายสนามติดต่อกัน แต่ภายในมกราคมเพียงเดือนเดียว “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พาลูกพรรคพลังประชารัฐ แพ้เรียบ 3 สนามเลือกตั้งซ่อม
โดยต้องติดตามว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเลือกเดินทางไหน ยังอยู่ร่วมกับพลังประชารัฐ ภายใต้การนำของ พี่ใหญ่“ประวิตร” ต่อ หรือจะขอแยกทางร่วมงานพรรคใหม่ เพราะแบรนด์ “พลังประชารัฐ” อาจขายไม่ได้อีกต่อไป
เพราะตัวของ “ประยุทธ์” ที่ยังพอมีคะแนนนิยมอยู่บ้าง แต่หากมีพรรคพลังประชารัฐ ที่แบรนด์เสื่อมมาคอยถ่วง “เครือข่าย คสช.” อาจจะพังครืนลงได้เช่นกัน
พรรคกล้า คะแนนของ “อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี” ผู้สมัครพรรคกล้า ทำได้ดีพอตัว และเป็นครั้งแรกในสนามเลือกตั้งซ่อมที่พรรคกล้าได้คะแนนหลักหมื่นคะแนน
โดยเป้าหมายของ “กรณ์ จาติกวณิช” หัวหน้าพรรคกล้า ปักหมุดอยู่ที่พื้นที่กทม. หวังโกยแต้มจากพื้นที่เมืองหลวงให้ได้เป็นกอบเป็นกำ และมีแนวโน้มค่อนข้างดีพอสมควร แต่ต้องไม่ลืมว่าคะแนนของ “อรรถวิชช์” เป็นคะแนนส่วนตัวจากพื้นที่จตุจักร ซึ่งเป็นฐานเดิมอยู่แล้ว
ดังนั้นหาก “กรณ์” จะปักหมุดในพื้นที่ กทม.จำเป็นต้องวางคน-วางยุทธศาสตร์ให้ดีกว่าเดิม เพื่อโอกาสที่จะมี ส.ส.กทม.แจ้งเกิดในพรรคกล้า
พรรคไทยภักดี คะแนนของ “พันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์” ถือว่าเซอร์ไพรส์พอสมควร แถมมีคะแนนเหนือกว่าพรรคพลังประชารัฐในหลายหน่วยเลือกตั้งด้วย ย่อมทำให้ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี เชื่อมั่นในยุทธศาสตร์ปกป้องสถาบันฯ มากขึ้น
“หมอวรงค์-ไทยภักดี” จับจุดเด่นปกป้องสถาบันฯ ทำให้สามารถดึงคะแนนจาก “กลุ่มผู้สูงอายุ” 60 ปีขึ้นไป ได้มากพอสมควร จากเดิมที่พรรคไทยภักดีถูกปรามาสเอาไว้ แต่คะแนนที่ได้จากการเลือกตั้งครั้งนี้ พิสูจน์แล้วว่าคะแนนจาก “แฟนคลับ” เทให้ไม่น้อย
หลังจากนี้ ต้องติดตามกลยุทธ-ยุทธศาสตร์ของแต่ละพรรคการเมือง ที่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยน เช่นเดียวกับการตัดสินใจของพล.อ.ประยุทธ์ ที่อาจจะต้องคิดทบทวนการอยู่ร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ และเส้นทางอนาคตการเมืองของตัวเอง
การเมืองช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ การตัดสินใจทุกก้าวย่างจึงต้องคำนวณอย่างรอบคอบมากที่สุด