"สมศักดิ์" บอก "พปชร." แพ้เลือกตั้งซ่อมไม่ใช่เพราะ "ชื่อ"
"สมศักดิ์" ประเมินผลเลือกตั้งซ่อม กทม.หลักสี่ ไม่ได้แพ้เพราะชื่อ เชื่อยังมี 1 ปี2เดือนเพื่อปรับเปลี่ยนทิศทาง ยอมให้คนวิจารณ์คะแนนพรรคตกต่ำไปก่อน
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ฐานะแกนนำพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคพลังประชารัฐจะได้ส.ส.ต่ำกว่า 50เสียง หากไม่มีการเปลี่ยนแปลง ว่า ภายในพรรคเปลี่ยนแปลงกันมาก ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ส่วนผลการเลือกตั้งส.ส.กทม.เขต9 แทนตำแหน่งที่ว่าง เชื่อว่าได้ปรับปรุงและแกัปัญหาแล้ว โดยคนในพรรคต้องเข้าสู่โหมดการเมืองอย่างแท้จริง ในเวลา 1 ปี 2 เดือนที่เหลืออยู่ ส่วนที่หลายคนมองว่าคะแนนนิยมของพรรคพลังประชารัฐตกต่ำ ตนมองว่าคือการเปลี่ยนแปลง ที่เกิดจากผลในอดีต ส่วนต่อไปจะตกต่ำหรือไม่ ขอให้รอดูก้าวต่อไปของพรรค และเชื่อว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฐานะหัวหน้าพรรคจะเข้าใจ และคงเดินหน้าต่อจะถอยหรือหยุดไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคจะถอดบทเรียนจากผลการเลือกตั้งซ่อมหลักสี่หรือไม่ เพราะหลายฝ่ายมองว่าชื่อของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ไม่สามารถขายได้ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า "ไม่ได้แพ้เพราะชื่อพรรค แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องทำความเข้าใจ และเดินต่อไปให้ได้ ต้องใช้เวลา ตอนนี้ให้สื่อวิจารณ์ไปก่อน เพื่อใช้เวลาที่เหลืออยู่ปรับแนวทางไปสู่เป้าหมายที่แท้จริง"
ผู้สื่อข่าวถามถึงการเคลื่อนไหวของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ที่โพสต์เฟซบุ๊คหลังรู้ผลการเลือกตั้งซ่อมกทม. นายสมศักดิ์ กล่าวว่า "เรื่องเล็กๆ ผมไม่สนใจ ส่วนกังวลหรือไม่ว่าส.ส. 21 คนที่ออกไป จะทำให้เสถียรภาพรัฐบาลสั่นคลอน ย้ำว่าเรื่องจริงอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิด และทุกคนมีสิทธิ์คิด มีสิทธิ์มอง แต่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงอาจจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น อย่าคิดไปก่อน และต้องขอบคุณสื่อมวลชนที่ห่วงใย ส่วนจะเป็นการส่งสัญญาณเตือนรัฐบาลหรือไม่ ผมไม่ทราบ"
เมื่อถามถึงการสังคายนาพรรคพลังประชารัฐ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า รอให้ฝ่ายบริหารของพรรคดำเนินการ ทั้งนี้ทุกคนต้องเตรียมตัวเอง เพราะคือการเมือง ทำเพื่อส่วนรวม ไม่ใช่ทำเพื่อตัวเอง
เมื่อถามว่ากลุ่มสามมิตรจะยังคงอยู่กับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ยังอยู่ ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าการเลือกตั้งครั้งหน้ากลุ่มสามมิตรจะไม่อยู่กับพรรคพลังประชารัฐ นั้นเป็นการวิเคราะห์ของสื่อมวลชนบางทีเรายังไม่คิด สื่อมวลชนคิดให้แล้ว ส่วนเลือกตั้งครั้งหน้าจะลงในนามพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ เป็นการคิดนำของสื่อมวลชน ซึ่งตนมองว่าสื่อคิอย่าถามแบบนั้น เพราะไม่สร้างสรรค์.