“วิโรจน์” ลาออก ส.ส.มีผล 4 ก.พ.รอชิง “ผู้ว่าฯ กทม.” ฝาก ปชช.ตามซักฟอก ม.152
“วิโรจน์” ยื่นหนังสือลาออก ส.ส.แล้ว มีผล 4 ก.พ. แต่งตัวรอชิงเก้าอี้ “ผู้ว่าฯ กทม.” ขอบคุณกระแสเสียดายหลังทิ้งเก้าอี้ ยันตั้งใจทำงานหนักเพื่อคนกรุงเทพฯ ไม่กังวลหากการเลือกตั้ง “พ่อเมืองหลวง” จะยังไม่เกิด ฝากประชาชนติดตามศึกซักฟอก ม.152
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2565 ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล เข้ายื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง ส.ส. ต่อเจ้าหน้าที่สภาผู้แทนราษฎร ภายหลังเป็นแคนดิเดตของพรรคก้าวไกล เตรียมตัวลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.)
นายวิโรจน์ แถลงภายหลังการยื่นลาออกตำแหน่ง ส.ส. ว่า การลาออกจะมีผลตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. เป็นต้นไป เพื่อที่จะทำงานร่วมกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. อย่างเต็มที่ตามแผนที่ได้วางไว้ Ffpก่อนหน้านี้ตนและทีมงานได้ประชุมกันและมีกรอบความคิดว่า พวกเรากำลังเป็นลูกน้องคนหนึ่งที่พยายามจะสมัครงานและเขียนข้อเสนอโครงการ เพื่อให้เจ้านายคือคน กทม. เลือกให้เราเข้าไปทำงาน ตนรู้สึกตื่นเต้นเหมือนคนที่เพิ่งมาสมัครงานใหม่ และมาสัมภาษณ์กับเจ้านาย ยืนยันว่าเราไม่ใช่ CEO แต่เป็นเพียงพนักงานคนหนึ่ง เราเชื่อว่าผู้ว่าฯ กทม.คือผู้จัดการสำนักงานหรือฝ่ายบุคคลที่มาดูแลเรื่องสาธารณูปโภคในสำนักงานใหญ่แห่งหนึ่งที่เรียกว่ากทม. และมีคนอยู่เต็มไปหมดที่เราต้องดูแลสวัสดิการ ความเป็นอยู่ที่ดี คุณภาพชีวิตขั้นพื้นฐานที่พึ่งพาได้ให้กับคนกทม. นี่คือกรอบความคิดสำคัญในการทำงานของเรา เราจะตั้งใจทำงานอย่างหนักนับจากนี้
นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการเปิดตัวนโยบายนั้นอยู่ในเฟสที่ 1 ตอนนี้เราพยายามกระชับนโยบายให้มากที่สุด แต่เดิมเรามีนโยบาย 10 กว่าด้าน แต่ได้หารือกันว่าจะเอาเรื่องที่ใกล้เคียงกระชับรวมกัน โดยจะพยายามทำให้นโยบายหลักไม่เกิน 10 ด้าน เพราะบางนโยบายหากทำร่วมกันจะมีพลังและมีประสิทธิภาพในการใช้จ่ายนโยบายมากกว่า เช่น กรุงเทพฯ เมืองปลอดภัย ต้องดูแลทั้งอาชญากรรม คนเดินถนน คนที่ขับขี่รถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ การข้ามทางม้าลาย รวมถึงเรื่องนโยบายสาธารณสุข เรื่องการศึกษา
เมื่อถามว่า มีกระแสแสดงความเสียดายบทบาท ส.ส. ของนายวิโรจน์ มีสิ่งใดอยากจะพูดหรือรู้สึกคั่งค้างหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตนขอบคุณอยากใจจริงและรู้สึกซาบซึ้งอย่างมาก แสดงว่าสิ่งที่ตนและเพื่อนร่วมงานของพรรคก้าวไกล และอดีตพรรคอนาคตใหม่ที่ทุ่มเททำงานอย่างหนัก แม้จะมีข้อบกพร่องบ้าง แต่ประชาชนก็เห็นคุณค่าและความพยายามในสิ่งที่ทำ แต่มาวันนี้ในบทบาทการบริหารงบประมาณและราชการแผ่นดิน ซึ่งเป็นอีกบทพิสูจน์หนึ่งที่คน กทม. 6 ล้านคนด้วยงบประมาณ 1 แสนล้านบาท จะเห็นการทำงานหนักของตนและว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.ในการรีดประสิทธิภาพงบประมาณให้ผลประโยชน์ตกกับประชาชนให้ได้มากที่สุด ให้ กทม. เป็นเมืองที่โอบรับความหวังของประชาชนให้ดีกว่านี้ ให้เป็นเมืองที่มีสวัสดิการขั้นพื้นฐานที่ประชาชนสามารถฝากผีฝากไข้ มีความมั่นใจว่าล้มแล้วไม่เจ็บหนัก ล้มแล้วลุกขึ้นได้ ล้มคนเดียวไม่ต้องล้มทั้งบ้าน ตนเชื่อว่าบทพิสูจน์ใหม่ครั้งนี้ประชาชนจะให้การตอบรับ อนุมัติให้ตนเข้าไปทำงาน
เมื่อถามอีกว่า มีเรื่องอยากจะฝากถึงเพื่อน ส.ส. หรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 อยากให้ทุกคนได้ติดตาม พรรคก้าวไกลและพรรคร่วมฝ่ายค้านได้เตรียมแนะนำสิ่งที่รัฐบาลควรจะต้องทำ เพราะวันนี้ประชาชนรับทราบแล้วว่าปัญหาการเมือง ปัญหาปากท้อง คุณภาพชีวิต ความสิ้นหวังในอนาคต เป็นเรื่องเดียวกัน การเลือกตั้งที่ผ่านมาซึ่งมีประชาชนใช้สิทธิจำนวนไม่น้อย สะท้อนว่าประชาชนเล็งเห็นแล้วว่าการเลือกตั้งเป็นกลไกสำคัญในการคลี่คลายวิกฤตครั้งนี้ นอกจากนี้ ขอขอบคุณ ส.ส.ทุกคน จากทั้งพรรคก้าวไกลและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่กรุณาให้คำแนะนำที่ดีกับตนมาโดยตลอด
ส่วนจะกังวลหรือไม่หากไม่มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เกิดขึ้น อาจจะด้วยอุบัติเหตุทางการเมือง นายวิโรจน์ กล่าวว่า ไม่กังวล แต่เราติดตามและปรับแผนของเรา หากเราวางแผนโดยต้องอิงกับแผนการเลือกตั้งของรัฐบาล เราก็จะทำงานลำบาก เพราะต้องยอมรับว่าการเลือกตั้งในปี 2562 มีการเลื่อนหลายครั้ง หากยึดโยงตรงนั้นมากก็จะทำงานไม่ได้ ฉะนั้น เราจะเอาแผนของเราเป็นหลัก ส่วนการประกาศการเลือกตั้งจากรัฐบาลจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ก็เป็นเรื่องที่ต้องติดตามประกอบเท่านั้น เพราะเราสั่งเขาไม่ได้ เชื่อใจเขาก็ไม่ได้เหมือนกัน