กลางสภาฯ ถึง ผู้ว่าฯกทม. เปิดเกม“บนดิน-ใต้ดิน”เดือด
กลเกมการเมืองช่วงปลายรัฐบาล และการเข้าสู่สนามเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ที่ทุกพรรคคู่แข่ง ต่างชิงไหวชิงพริบ เพื่อให้ตัวเอง-พวกของตัวเอง ได้เปรียบคู่ต่อสู้มากที่สุด
การเมืองช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ยากที่จะคอนโทรลคน-คอนโทรลเกม ทุกจังหวะย่อมส่งผลต่ออนาคต มิตรที่เคยรักกันอาจผันตัวเป็นศัตรู เพราะต่างคนต่างหาลู่ทางที่ดีที่สุด เพื่อเข้าสู่อำนาจหลังการเลือกตั้งใหญ่
นับจากนี้ ไปการฟาดฟันผ่านสื่อของ “คนการเมือง” จะมีให้เห็นตลอดเวลา โดยเฉพาะศึกภายในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แม้ “ผู้กองมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จะถูกขับออกจากพรรคไปแล้ว แต่ยังมี ส.ส.-สมาชิกพรรคพลังประชารัฐหลายรายเตรียมหอบข้าวของโยกย้ายเช่นกัน เพียงแต่หมุดหมายอาจจะแตกต่างกัน
โดยมีกระแสข่าวว่า ส.ส.-สมาชิกพลังประชารัฐ เริ่มมองอนาคตทางการเมืองของตัวเอง บางคนยังอยู่ร่วมหัวจมท้ายกับพรรคนี้ บางคนอยากหาบ้านหลังใหม่ที่มั่นคงกว่า จะเริ่มเห็นการย้ายพรรคของ “นักการเมือง-นักเลือกตั้ง” อย่างต่อเนื่อง
ปรากฎการณ์ที่ “สุชาติ ตันเจริญ” รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง จากพรรคพลังประชารัฐ ทำหน้าที่ประธานที่ประชุมช่วงกระทู้ถามสด เมื่อวันที่ 3 มี.ค. โดย “พัฒนา สัพโส” ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ตั้งถาม “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย
กระทู้นี้ มท.1 “อนุพงษ์” มอบหมายให้ มท.2 นิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย มาตอบและชี้แจงแทน แต่ปรากฎว่า “นิพนธ์” กลับติดภารกิจ ขอเลื่อนตอบกระทู้ถามของฝ่ายค้าน โดยชี้แจงว่า หากต้องการยื่น ขอให้ยื่นในคราวต่อไป
เรื่องเหมือนจะผ่านไปอย่างปกติ หากไม่มีเหตุการณ์ที่ รองประธาน “สุชาติ” ทิ้งระเบิดฝาก “อธิรัฐ รัตนเศรษฐ” รมช.คมนาคม ให้ไปบอกนายกฯ ให้สอนมวยรัฐมนตรีด้วยว่า “จะมอบให้ใคร ควรเจรจากันว่าว่างหรือไม่ ไม่ใช่มอบแล้วว่าง และกล่าวอ้างว่ามอบแล้วเขาไม่ว่าง เพราะกระทู้ถามสดคุยกันไม่ถึงชั่วโมง ซึ่งทราบได้ว่าใครว่างหรือไม่
ผมขอฝากไปบอกด้วยว่าประธานสุชาติฝากสอนมวยมาในฐานะรัฐมนตรีเก่า จะมอบใครให้มอบคนที่ว่างมาตอบ จะได้ไม่เสียเวลาสภา เสียโอกาสตั้งกระทู้ถามของ ส.ส.ซึ่งเป็นเรื่องปัจจุบันทันด่วน ประชาชนสนใจและผลประโยชน์ของประเทศชาติ”
ท่าทีแข็งกร้าว สอนเชิงการเมืองตรงไปตรงมาอย่างนี้ ผ่านมาเกือบ 3 ปีของรัฐบาล ยังไม่เคยมีเหตุการณ์ “ประธานสภาฯ-รองประธานสภาฯ” ซัด“รัฐมนตรี”เช่นนี้มาก่อน
แม้จะมีหลายครั้งที่ “รัฐมนตรี” ไม่มาตอบกระทู้ถามสด หรือขอเลื่อนการตอบกระทู้ถามสด ยิ่งผู้ทำหน้าที่ประธานสภาฯชื่อ “สุชาติ” มักหาทางลงให้ “รัฐบาล-รัฐมนตรี”โดยตลอด
สัญญาณแรงๆ จาก “สุชาติ” อาจถอดรหัสได้ว่า อาการไม่ไว้หน้า มท.1 พี่กลาง 3 ป. เช่นนี้ หรือ “สุชาติ-เครือข่ายบ้านริมน้ำ” จะถอยห่าง “3 ป.-พลังประชารัฐ” ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า สภาพแพแตกในพลังประชารัฐเวลานี้ ย่อมมีโอกาสที่กลุ่มก๊วนการเมืองจะยกขบวนออกไปหาบ้านใหม่ หรือไม่เช่นนั้นการอยู่ร่วมด้วยช่วยกันต่อไป ก็อาจต้องมีเงื่อนไขใหม่ที่จูงใจกว่าเดิม
อีกทั้ง ยังสะท้อนให้เห็นถึง อำนาจ “3 ป.” ที่เริ่มเสื่อมถอยลงจากปัญหาพี่น้องวงแตก จนนักการเมืองเองก็ไม่เกรงบารมีเหมือนเดิม โดยเฉพาะ “บิ๊กป๊อก” มท.1 ที่ขึ้นชื่อใหม่หมู่ ส.ส.ว่า ขอความร่วมมือได้ยาก หรือแทบไม่ได้ โดยเฉพาะการโยกย้ายข้าราชการ และมหาดไทย ยังเป็นกระทรวงที่ไม่เอื้อต่อการทำพื้นที่ของ ส.ส.พลังประชารัฐ ทั้งที่เป็นพรรคแกนนำรัฐบาล
ตัดไปที่อีกปรากฎการณ์ ในสังเวียนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แม้จะไม่เคาะวันอย่างเป็นทางการ เพียงแค่รัฐบาลแจ้งไทม์ไลน์เลือกตั้งในเดือนพฤษภาคม ศึกนอกรอบ-เล่นนอกเกม กลับระเบิดขึ้นแล้ว
เมื่อ “ขั้วประชาธิปไตย” แทคทีมกันชั่วคราว ใช้ช่องทางกรรมาธิการปราบโกง หรือ คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) ที่มี “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย เป็นประธาน จุดประเด็นตรวจสอบ “ดร.เอ้” สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) แคนดิเดตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์
เบื้องต้น “เสรีพิศุทธิ์-ขั้วประชาธิปไตย” ยังอุบไต๋ ไม่บอกว่ามีหลักฐานอะไรเกี่ยวกับการร่ำรวยผิดปกติของ “สุชัชวีร์” แต่ยี่ห้อ “เสรีพิศุทธิ์” หากไม่มีหลักฐานอยู่ในมือ ไม่ยอมแหวกหญ้าให้งูตื่น
มีกระแสข่าวว่า มีมือตรวจสอบตรวจบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินที่ ดร.เอ้ “สุชัชวีร์” แจ้งต่อ ป.ป.ช.อย่างละเอียด แม้ เจ้าตัวจะแจ้งรายละเอียดทรัพย์สินตัวเอง รวมทั้งคู่สมรส ว่ามีทรัพย์สินทั้งสิ้น 342,115,365 บาท มีหนี้สิน 35,193,506 บาท
จึงต้องรอติดตามข้อมูลของ กมธ. ป.ป.ช. และ พล.อ.เสรีพิศุทธิ์ ว่าจะมีประเด็นเล่นงาน “สุชัชวีร์” ได้ระดับไหน
จังหวะที่หยิบฉวยมาตรวจคุณสมบัติสุชัชวีร์ ย่อมไม่พ้นถูกมองว่ามีนัยหวังผลทางการเมือง เพื่อดิสเครดิตมากกว่า ต้องการตรวจสอบให้เห็นผลเชิงประจักษ์ เพราะกรณีดังกล่าวสามารถยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้โดยตรง
ทว่า “ขั้วประชาธิปไตย” กลับเลือกใช้วิธีลาก “สุชัชวีร์” มาขึ้นเขียง เพื่อตอบคำถาม ปมร่ำรวยผิดปกติ ตามที่ “ขั้วประชาธิปไตย” กำหนดเกมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
สองกรณีตัวอย่างคือฉากแรกของ กลเกมการเมืองช่วงปลายรัฐบาล และการเข้าสู่สนามเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ที่ทุกพรรคคู่แข่ง ต่างชิงไหวชิงพริบ เพื่อให้ตัวเอง-พวกของตัวเอง ได้เปรียบคู่ต่อสู้มากที่สุด