7 ปี สจล.ยุค “ดร.เอ้” นั่งอธิการบดี จัดซื้อจัดจ้าง 2 หมื่นโครงการ 5.1 พันล้าน
เจาะข้อมูลจัดซื้อจัดจ้าง สจล. ยุค “ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” กุมบังเหียนนั่งเก้าอี้อธิการบดี 7 ปี 2558-2564 รวมกว่า 2 หมื่นโรงการ วงเงินไม่ต่ำกว่า 5.1 พันล้าน
ณ เวลานี้สปอร์ตไลท์ทางการเมืองกำลังสาดเข้าไปที่ “ดร.เอ้” สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อย่างจัง
พลันที่คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ป.ป.ช.) ที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เป็นประธานฯ เตรียมให้ “ดร.เอ้.” อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า วิทยาเขตลาดกระบัง (สจล.) ที่ปัจจุบันเป็นว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เข้าชี้แจง กรณีถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต และมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ
โดย กมธ.ป.ป.ช. ตั้งธงการตรวจสอบไว้ 2 ส่วน ได้แก่
1.กรณีที่มาของรายได้ ที่ดิน และบ้านหรูมูลค่า 35 ล้านบาทของนายสุชัชวีร์
2.กรณีมีการกล่าวหาว่า “คนใกล้ชิด” นายสุชัชวีร์ เป็นหุ้นส่วนในหลายโครงการต่าง ๆ ของ กทม. รวมถึงการจัดซื้อจัดจ้างของ สจล.ในช่วงที่เจ้าตัวเป็นอธิการบดี
อย่างไรก็ดี พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ ให้สัมภาษณ์ยืนยันหลายครั้งว่า การตรวจสอบเรื่องนี้ เพราะได้รับการร้องเรียนมานานแล้ว และไม่เกี่ยวกับประเด็นทางการเมืองแต่อย่างใด
ขณะที่ “ดร.เอ้” ชี้แจงแล้วเช่นกันว่า ที่มาของรายได้ และทรัพย์สินต่าง ๆ นั้น ได้มาโดยสุจริต และบางส่วนเป็นของภริยา (นางสุวิตา สุวรรณสวัสดิ์) ส่วนบ้านหรูที่ปรากฏอยู่ในนิตยสารชื่อดังนั้น มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส และที่ผ่านมาหน่วยงานของรัฐ เช่น สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เข้าไปตรวจสอบอยู่แล้ว
อ่านข่าว: โชว์ชัดรายได้ 18.7 ล้าน-บ้าน 35 ล้าน! “ดร.เอ้” ก่อน กมธ.ป.ป.ช.สอบปมรวยผิดปกติ
มาดูข้อมูลในส่วนของการ “จัดซื้อจัดจ้าง” โครงการต่าง ๆ ของ สจล. ในยุคที่มี “ดร.เอ้” กุมบังเหียนนั่งเก้าอี้อธิการบดี ระหว่างปี 2558-2564 กันบ้าง
กรุงเทพธุรกิจ ตรวจสอบฐานข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2565 พบว่า ระหว่างปี 2558-2564 สจล.ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างกว่า 2 หมื่นโครงการ รวมวงเงินไม่น้อยกว่า 5.1 พันล้านบาท แบ่งเป็น
ปี 2558 จำนวน 4,511 โครงการ รวมมูลค่า 477.23 ล้านบาท โดยโครงการที่มีมูลค่าสูงสุดคือ ประกวดราคาจ้างก่อสร้างอาคารปฏิบัติการทางด้านวิศวกรรมศาสตร์และวิทยาศาสตร์ วิทยาเขตชุมพร 2 หลัง ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ วงเงิน 143.5 ล้านบาท ทำสัญญาเมื่อวันที่ 9 ต.ค. 2557
ปี 2559 จำนวน 1,968 โครงการ รวมมูลค่า 155.13 ล้านบาท โดยโครงการที่มีมูลค่าสูงสุดคือ ประกวดราคาซื้อครุภัณฑ์ชุดฝึกปฏิบัติการ Electrical Wiring Interconnection System (EWIS) จำนวน 1 ชุด รอบที่ 3 โดยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) วงเงิน 25 ล้านบาท ทำสัญญาเมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2559
ปี 2560 จำนวน 1,932 โครงการ รวมมูลค่า 192.20 ล้านบาท โดยโครงการที่มีมูลค่าสูงสุดคือ ประกวดราคาซื้อครุภัณฑ์เครื่องมือสนับสนุนการซ่อมบำรุงอากาศยานภาคพื้น แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร จังหวัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 1 ชุด รอบที่่ 3 ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) วงเงิน 13.8 ล้านบาท ทำสัญญาเมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2560
ปี 2561 จำนวน 2,652 โครงการ รวมมูลค่า 660.56 ล้านบาท โดยโครงการที่มีมูลค่าสูงสุดคือ ประกวดราคาซื้อครุภัณฑ์ประจำอาคาร อาคารเรียนและปฏิบัติการคณะอุตสาหกรรมเกษตร ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) วงเงิน 32.48 ล้านบาท ทำสัญญาเมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2561
ปี 2562 จำนวน 2,871 โครงการ รวมมูลค่า 884.58 ล้านบาท โดยโครงการที่มีมูลค่าสูงสุดคือ ประกวดราคาซื้อชุดทดสอบระบบรถไฟฟ้าและระบบไฟฟ้า ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) วงเงิน 89.3 ล้านบาท ทำสัญญาเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2561
ปี 2563 จำนวน 2,955 โครงการ รวมมูลค่า 1,240.48 ล้านบาท โดยโครงการที่มีมูลค่าสูงสุดคือ ประกวดราคาจ้างก่อสร้างงานปรับปรุงอาคารเรียนรวมและปฏิบัติการเทคโนโลยีชั้นสูง ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) วงเงิน 132.5 ล้านบาท ทำสัญญาเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2563
ปี 2564 จำนวน 3,432 โครงการ รวมมูลค่า 1,555.12 ล้านบาท โดยโครงการที่มีมูลค่าสูงสุดคือ ประกวดราคาจ้างก่อสร้างก่อสร้างหอพักนักศึกษา แบบ A B และ C ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) วงเงิน 414.48 ล้านบาท ทำสัญญาเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2564
รวมทั้ง 7 ปี สจล.ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างอย่างน้อย (เท่าที่ตรวจสอบพบ) 20,321 โครงการ รวมมูลค่า 5,165.3 ล้านบาท
อย่างไรก็ดีในการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างดังกล่าว ยังไม่มีข้อมูลอย่างเป็นทางการว่าเกิดการร้องเรียนถึงปัญหาแต่อย่างใด
ดังนั้นคงต้องรอข้อมูลจาก กมธ.ป.ป.ช. ในการตรวจสอบ และคำชี้แจงของ “ดร.เอ้” กันอีกครั้งว่าบทสรุปของเรื่องนี้จะออกมาแบบไหน
แต่ที่แน่ ๆ ศึกชิงเก้าอี้ “ผู้ว่าฯ กทม.” หนนี้ ดูท่าจะดุเดือดไม่ธรรมดาเสียแล้ว