"ชัยวุฒิ" สั่งกวาดล้าง "มิจฉาชีพออนไลน์" ประสาน "สตช.-เพื่อนบ้าน" ล่าตัว
"ชัยวุฒิ" ขานรับ นโยบาย "นายกฯ" เร่ง ปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ดูแลปชช. ไม่ให้เป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ประสาน "สตช." ลุย กวาดล้าง แก็งคอลเซ็นเตอร์ ถึง "กัมพูชา"
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า กระทรวงดิจิทัลฯ พร้อมขานรับข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่มีนโยบายในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างเร่งด่วน เพื่อลดความเดือดร้อนให้กับประชาชนจากการสูญเสียทรัพย์สินและตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยเฉพาะปัญหาแก็งคอลเซ็นเตอร์ โดยจะมีการประสานการทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) อย่างใกล้ชิดเพื่อติดตามกวาดล้างขบวนการผู้กระทำผิดกฎหมาย และจับกุมมาดำเนินคดี รวมถึงเตรียมเพิ่มความร่วมมือกับรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้าน ในการแก้ไขและปราบปรามปัญหานี้ร่วมกัน
ทั้งนี้ได้มอบหมายให้ นายเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล เลขานุการ รมว.ดีอีเอส ในการปฏิบัติภารกิจร่วมกับคณะของ สตช. ภายใต้การนำทีมของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร ) หรือ PCT เดินทางไปยังประเทศกัมพูชา เพื่อพบกับ พล.อ.เซา ซกคา รองผบ.สส. และ ผบ.สห. (Gendarmerrie) ผู้แทนฝ่ายรัฐบาลกัมพูชา เพื่อประสานความร่วมมือปฏิบัติการจับกุมแก็งคอลเซ็นเตอร์ ที่ฝังตัวอยู่ในกัมพูชา
สำหรับการปฏิบัติการ เมื่อวันที่ 11 ก.พ.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยกับเจ้าหน้าที่กัมพูชา ได้เปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 3 จุดพร้อมกันในกรุงพนมเปญ และเมืองพระสีหนุ ซึ่งถูกใช้เป็นฐานในการหลอกลวงผู้เสียหาย โดยมีคนจีนเป็นหัวหน้าและผู้ควบคุมการทำงานจับกุมผู้ต้องหาได้รวม 21 ราย และสำหรับผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี เจ้าหน้าที่กัมพูชาจะเร่งรัดดำเนินการติดตามตัวเพื่อส่งตัวให้กลับประเทศไทยโดยเร็ว โดยพฤติกรรมของแก็งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้ มีทั้งชักชวนหลอกลงทุนซื้อขายเหรียญสกุลดิจิทัลผ่านผ่านเว็บไซต์ Digital Alliance
การโทรหลอกลวงผู้เสียหายที่ประเทศไทยโดยแอบอ้างเป็นดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงการหลอกลวงให้เล่นเกมส์แบบพิชิตเป็นภารกิจโดยส่งลิงก์ผ่านเว็บไซต์ 888168hs.com เพจ ct make money โดยอ้างตัวเป็นเครือของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล และ ปตท. หรือกลุ่มPTTEP มีผู้เสียหายเป็นคนไทยจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายรวมไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ รัฐบาลมีความห่วงใยปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในเรื่องนี้ และได้สั่งการให้เร่งระดมกวาดล้าง พร้อมกันนี้อยากฝากเตือนประชาชนว่า อย่าไปหลงเชื่อการโทรแอบอ้างใดๆอย่าโอนเงินให้กับคนที่ไม่รู้จัก และขอประชาสัมพันธ์ไปยังคนไทยที่ไปทำงานในประเทศกัมพูชา และเข้าร่วมขบวนการแก็งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้ ว่าจะมีความผิดและต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชนด้วย