“เอกราช” ยัน 100% ไม่มีดีลลับกลับ ภท.แลกล้างหนี้สหกรณ์ครูขอนแก่น

“เอกราช” ยัน 100% ไม่มีดีลลับกลับ ภท.แลกล้างหนี้สหกรณ์ครูขอนแก่น

“เอกราช ช่างเหลา” ยัน 100% ไม่มีดีลลับกลับ “ภูมิใจไทย” แลกล้างหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ครู 431 ล้าน ยันสาเหตุที่กลับเพราะมีสัญญาใจกับ “ผู้ใหญ่” ใน ภท. คุยกับ “ผู้กองธรรมนัส” เข้าใจแล้ว

เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2565 นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand” ดำเนินรายการโดยนายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ ถึงกรณีการย้ายกลับไปพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ว่า ต้องขอเรียนตรง ๆ ว่า ไม่ใช่เป็นการทิ้งเพื่อน ต้องเล่าย้อนว่าการเข้ามาในพรรคพลังประชารัฐ พปชร. ผ่านการประสานงานจากผู้ประสานงาน พปชร. ซึ่งเป็นทีมงานของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ (ปัจจุบันเป็นรองนายกฯ) โดยบังเอิญไปเจอ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า (ปัจจุบันเป็น ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย) มาเจอกันพอดีในวันเดียวกัน 

“หลายคนอาจเข้าใจว่าจูงมือกันเข้ามา จริง ๆ ไม่ใช่ แต่เข้ามาตรงกันพอดี เลยขำว่า อ้าวพี่ ทำไมถูกเชิญมาวันเดียวกันเลย เรียนอย่างหนึ่งว่า ผมกับผู้กอง อย่างที่พูด คบกันมานาน ทำธุรกิจร่วมมาพอสมควร ถ้าด้านธุรกิจพวกเราถือว่ารู้จักกันเป็น 10 ปี แต่ด้านการเมืองเพิ่งมาเริ่มกันในช่วงเจอกันที่พรรคพลังประชารัฐ” นายเอกราช กล่าว

นายเอกราช กล่าวตอบคำถามว่า ผูกพันทำธุรกิจกันมาเป็น 10 ปี ขณะนี้ ร.อ.ธรรมนัส ลำบาก ทำไมถึงไม่อยู่ร่วมรบกับเพื่อนว่า ก่อนที่จะมาอยู่ พปชร. ตนอยู่ภูมิใจไทยมาก่อน ตอนปี 2562 ตั้งใจจะลง ส.ส. พรรคภูมิใจไทย แต่มีผู้ใหญ่ประสานมาให้มากราบลุงป้อม ท่านเมตตามา ตนกับลูกชายประสบความสำเร็จได้เป็น ส.ส. ด้วยบารมีลุงป้อม ยังไงก็ไม่ลืม เรื่องเคารพนับถือลุงป้อม ส่วนเรื่องที่บอกว่า อยู่พรรคภูมิใจไทยมาก่อน ก่อนจะออกมา ได้คุยกับผู้ใหญ่ว่า จะเข้ามาอยู่กับลุงป้อม มาสร้าง พปชร. พอเข้ามา ลุงป้อมก็ให้เป็นประธานภาค 4 อีสานตอนบน ประสานงานด้วยความเข้มแข็งมาตลอด อาจขาดที่ว่าไม่ประสบความสำเร็จ ไม่สามารถนำ ส.ส. มาได้เยอะแยะ

“คุยกับผู้ใหญ่ใน ภท. ถ้าช่วย พปชร. เสร็จแล้ว ถ้าออกจาก พปชร. จะกลับมา ภท. ตรงนี้เป็นสัญญาใจที่เรียนไว้กับผู้ใหญ่ไว้อยู่แล้ว เรียนไว้กับผู้กองธรรมนัส เปิดอกคุยกันตรง ๆ ว่า ถ้าออกจาก พปชร ยังไงก็ต้องกลับ ภท. ผู้กองบอกโอเคพี่ เคารพการตัดสินใจ มองตาก็รู้ใจ มีความจำเป็น” นายเอกราช กล่าว

นายเอกราช กล่าวตอบคำถามถึงกรณีทำไมถึงทิ้ง พปชร. ว่า จุดเปลี่ยนอยู่ตรงที่ความแปรผันทางการเมือง ความพลิกผันช่วงประชุมสภา เดี๋ยวสภาล่มบ่อยเหลือเกิน จนกลัวว่ามันจะอยู่ผ่านไปอีกกี่เดือน ถึงปี หรือครบวาระหรือไม่ เริ่มขาดความมั่นใจ ถามหลายคนบอกว่า ไม่แน่จะยุบสภาหรือเปล่าไม่รู้ จึงต้องตัดสินใจ ถ้าไปกับ ร.อ.ธรรมนัส เกิดยุบสภามาอีก 2-3 เดือนนี้ แล้วค่อยออกมาอยู่ ภท. ตนจะเหมือนสัมภเวสีทางการเมือง ประชาชนเขาต้องมองว่าไม่มีจุดยืน กระโดดไปนู่นทีนี่ที เพราะฉะนั้นต้องตัดสินใจว่า ถ้าสถานการณ์มันง่อนแง่นแบบนี้ ขอกลับไป ภท. เลยดีกว่า จะได้ไม่กลับไปกลับมา และภาพ ภท. ไม่ได้เสียในทางการเมือง นี่คือข้อเท็จจริง

ผู้ดำเนินรายการถามว่า สาเหตุที่กลับพรรคภูมิใจไทย เพราะมีการยื่นข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้มาให้ นายเอกราช กล่าวว่า เรียนแล้วว่า อยู่ ภท. มาก่อน ต้องกลับบ้านหลังเก่าของตนที่อบอุ่น ถามว่ามีข้อเสนออะไรอย่างไรไหม ไม่มีเลย ไม่มีข้อเสนอ แต่มองว่า ภท. เป็นพรรคที่มีมาตรฐาน ยังไงก็ได้เป็นรัฐบาล การทำงานการเมืองให้ประสบสำเร็จ ต้องอยู่ฝ่ายรัฐบาล ถ้าอยู่ฝ่ายค้านใครจะจัดงบประมาณไปลงตามแผนงานและโครงการ อยู่ตรงนี้มีอนาคต ยังไงก็เป็นรัฐบาลมองประเด็นนี้มากกว่า

ผู้ดำเนินรายการถามย้ำอีกว่า ข้อเสนอดังกล่าวคือกรณีการเคลียร์คดีสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น วงเงิน 431 ล้านบาทใช่หรือไม่ นายเอกราช ปฏิเสธว่า เรื่องนี้ไม่จริง 100% จริง ๆ อยากให้เสนอมาแบบนี้ แต่ไม่มีใครเสนอมาเลย (หัวเราะ) โดยประเด็นสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นนั้น เป็นประเด็นเกี่ยวกับเรื่องแชร์ลอตเตอรี่ หากคดีสิ้นสุดแล้ว จะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

นายเอกราช กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น เรื่องนี้ถ้าไม่มีเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 7 ขอนแก่น จะไม่เกิด เรื่องนี้ใครก็รู้ เข้ามาเรารู้ว่ากำลังแก้ปัญหาประเด็นนี้อยู่ มีเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 7 ขอนแก่น ตนเป็นผู้อำนวยการเลือกตั้ง พปชร. มีการแข่งขันกับพรรคเพื่อไทย ได้ยินมาข่าวมีผู้ใหญ่มาบอกว่า อะไรจะล้มเอกราชได้ หลังจากนี้ก็ไปสืบว่า เดินกันต่อย่างไร ลากมาเป็นประเด็นการเมือง ไม่ใช่เรื่องสลับซับซ้อน เงินออกมาซื้อที่วางค้ำประกัน ที่ก็มีกำลังรอขาย ที่ดิน 500 ล้านบาท และจริง ๆ กำลังจะขายได้แล้ว มีการคุยกันว่าจะซื้อประมาณ 450 ล้านบาท แต่เมื่อเกิดเรื่องนี้ คนซื้อก็ถอย เพราะกลัวถูกกล่าวหาไปพัวพัน