หมดสภาพ ! งอม“พระรามตู่” กับ “สีดาหนู” คิดการใหญ่ ?
นายกฯ จะกล้าเสี่ยงเดินไปสู่ลานประหารหรือไม่ ถ้าไม่ยอมให้ภูมิใจไทยขี่คออยู่ตลอดเวลา เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า นางสีดากำลังคิดการ ใหญ่อยู่จริงๆ
อังคารนี้ (22 ก.พ.) ถ้าการประชุม ครม.มีวาระพิจารณาการขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวก็ต้องรอดูฤทธิ์เดชของพรรคภูมิใจไทยว่าจะแสดงอะไรออกมาอีกหรือไม่
เพราะจังหวะก้าวทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทยกำลังถูกจับตาอย่างมาก โดยเฉพาะคำรับประกันสนับสนุนรัฐนาวา พร้อมพายเรือส่ง “ลุงตู่” ให้อยู่ครบวาระ
หลายคนสับสนกับท่าทีของพรรคภูมิใจไทย เพราะเพิ่งจะเล่นบทกร้าวถึงขนาดสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในทางการเมือง ด้วยการให้ 7 รัฐมนตรีของพรรคบอยคอตการประชุมครม.ทั้งหมด เพื่อคัดค้านวาระการขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว
แต่พรรคภูมิใจไทยก็ไม่มีทีท่าว่าจะถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล ทั้งๆ ที่ทำขนาดนี้ ก็ควรต้องถอนตัว ขณะที่รัฐบาลเองก็แสดงท่าทีชัดเจนว่า จะผลักดันเรื่องขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวไปให้สุดทาง
จำนวน ส.ส.ถึง 62 คนในขณะนี้ สามารถชี้เป็นชี้ตายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ได้เลย แต่ถัดมาเพียงไม่กี่วันพรรคภูมิใจไทยกลับเล่นบท “หนุนลุงตู่” พร้อมคำประกาศ “มาด้วยกันไปด้วยกัน”
ดูเผินๆ เหมือนเป็นเรื่องดี แต่เพ่งดูอีกที คล้ายเป็นการ “ตบหัวแล้วลูบหลัง”
งานนี้ ต้องบอกว่านายกฯ “หมดสภาพ” โดนพรรคร่วมรัฐบาลตบหน้าฉาดใหญ่ โดนตบแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ หนำซ้ำยังมีข่าวไปขอให้เขาช่วยอีกต่างหาก (ประโยค...หนูช่วยกันหน่อยนะ)
และพรรคภูมิใจไทยก็โชว์โพยเสียงสนับสนุน 260 เสียง ซึ่งในทางการเมืองไม่แน่ว่า นี่คือการ“ขู่” หรือ “ปลุกปลอบ” กันแน่
สาเหตุที่ภูมิใจไทย ยังไม่เล่นใหญ่อะไรมาก เพราะ
1.เงื่อนไขการร่วมรัฐบาลตอนนี้ ดีที่สุดแล้ว ได้คุมเบ็ดเสร็จ 2 กระทรวงหลัก โดยเฉพาะกระทรวงคมนาคมที่เป็นกระทรวงเกรด A+ รับผิดชอบโครงการเมกะโปรเจคมากมาย มูลค่าหลายแสนล้านบาท
2.สถานการณ์บ้านเมืองยังวิกฤติ ทั้งวิกฤติโรคระบาด (โควิด / อหิวาต์หมู) และวิกฤติเศรษฐกิจ(ปัญหาปากท้อง) ถ้าภูมิใจไทยเป็นแกนนำรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกฯ ก็จะตกเป็นเป้าถล่มโจมตี แต่ตอนนี้ “บิ๊กตู่” ทำหน้าที่เป็น “ตำบลกระสุนตก” ให้แทน ส่วนพรรคตัวเองเป็นเป้าน้อยกว่า หรือบางเรื่องก็อาจหลบหลังนายกฯ ได้เลย
ฉะนั้นในบทบาท “นางสีดา” ที่อนุทินเอ่ยปาก สวมบทเอาไว้ จึงเลือกอยู่กับ “พระรามตู่”ต่อไปแต่ก็สามารถ “คบซ้อน” ได้ตลอดเวลา เหมือนที่ ส.ส.เต้ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ว่าไว้
ย้อนดูเส้นทางพรรคภูมิใจไทย ตั้งแต่หลังการเลือกตั้งปี 62 จะเห็นว่า เป็นพรรคการเมืองเดียวที่มีแต่ “เลือดไหลเข้า” จากผลการเลือกตั้งที่ได้ ส.ส.มา 51 คน ผ่านมา 2 ปีกว่าเกือบ 3 ปี มีส.ส.เพิ่มเป็น 65 คน ปฏิบัติหน้าที่ได้ 62 คน
นอกจากนั้น หากย้อนดูคะแนนโหวตในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อวันที่ 4 ก.ย.64 จะพบว่ามีส.ส.ฝ่ายค้านยกมือไว้วางใจ หรืองดออกเสียงให้กับอนุทิน และ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ถึง 9 คน แยกเป็นพรรคเพื่อไทย 4 คน และพรรคก้าวไกล 5 คน
คาดการณ์ได้ว่า เมื่อมีการยุบสภา หรือรัฐบาลอยู่ครบวาระ และเตรียมเลือกตั้งใหม่ ส.ส.เหล่านี้จะย้ายเข้าค่ายภูมิใจไทยทั้งหมด หรือเกือบทั้งหมด ทำให้พรรคนี้กลายเป็นพรรค 70-80 เสียง
ฉะนั้นที่มีข่าวกระเซ็นกระสายว่า พรรคภูมิใจไทย“คิดการใหญ่” ตั้งเป้า ส.ส.เอาไว้ที่ 100 เสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้า จึงใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ด้วยจำนวน ส.ส.ฝากเลี้ยงอย่างน้อย 9 คน ทำให้พรรคภูมิใจไทยกล้าการันตีนายกฯว่า หาเสียงสนับสนุนได้ถึง 260 เสียงได้อย่างแน่นอน โดยไม่นับรวม “กลุ่มผู้กอง”
ตัวเลขนี้ไม่ได้เลื่อนลอย เพราะ...จำนวน ส.ส.เท่าที่มีอยู่ - 474 เสียง
เกินกึ่งหนึ่ง - 238 เสียง ส.ส.รัฐบาล (หักกลุ่มผู้กอง) - 251 เสียง
เสียงรัฐบาล 251 เสียง ขาดไป 9 เสียงก็จะครบ 260 ซึ่งก็เท่ากับจำนวน ส.ส.ฝากเลี้ยงของพรรคภูมิใจไทยพอดี
นี่คือหลักฐานที่พรรคภูมิใจไทยยืนยันว่า “ทำได้จริง
แต่ก็เป็นที่รู้กันว่า สัจธรรมการเมืองนั้น ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน และผลประโยชน์ย่อมไม่เข้าใครออกใคร ฉะนั้น ด้วยความพร้อมระดับนี้ จำนวนเสียงสนับสนุนเหลือเฟือแบบนี้ ย่อมมีความเป็นไปได้ที่พรรคภูมิใจไทยจะทำตัวเป็น “สีดาคิดการใหญ่” ล้มนายกฯกลางสภา ในศีกอภิปรายไม่ไว้วางใจ และเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลใหม่ขึ้นมาเสียเอง
หากเงื่อนไขที่ว่านี้ คุ้มกว่าสถานะที่ดำรงอยู่ มีหรือพรรคภูมิใจไทยจะไม่ฉกฉวย และมีนักการเมืองคนไหนบ้างที่ไม่อยากเป็นนายกรัฐมนตรี
คำถามคือ อะไรจะสามารถการันตีความแน่นอนของพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะหากนายกฯ ไม่ยอมให้ “ขี่คอ” อีกต่อไปในประเด็นขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว
และนายกฯ จะกล้าเสี่ยงเดินไปสู่ลานประหารหรือไม่ ถ้าไม่ยอมให้ภูมิใจไทยขี่คออยู่ตลอดเวลาเพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า นางสีดากำลังคิดการใหญ่อยู่จริงๆ!