"เรืองไกร"ร้อง"นายกฯ" สอบ บิ๊กขรก. ระดับปลัด-อธิบดี เสียภาษีถูกต้องหรือไม่
"เรืองไกร" ร้อง "นายกฯ" สอบ 4 บิ๊กขรก. เสียภาษีต่อ "กรมสรรพากร" ถูกต้องหรือไม่ พบ "ปลัดคมนาคม" ให้นักธุรกิจ กู้ 2 ล้าน แต่ไม่แจ้งรายได้ดอกเบี้ยต่อ ป.ป.ช. ด้าน "อธิบดีป่าไม้-ราชทัณฑ์" อยู่ในข่ายด้วย
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ว. เปิดเผยว่า หลังจากตนได้ส่งหนังสือขอให้ตรวจสอบภาษีนายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ไปแล้ว นั้น ต่อมาเว็บไซต์ป.ป.ช. ได้เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าหน้าที่รัฐเพิ่มเติมอีก ซึ่งมีหลายรายที่แจ้งรายได้และเงินได้พึงประเมินที่อาจไม่สอดคล้องกัน อันเป็นมูลเหตุให้ต้องแจ้ง นายกรัฐมนตรี เพื่อสั่งการให้กรมสรรพากรทำการตรวจสอบต่อไป
นายเรืองไกร กล่าวว่า แนวการตรวจสอบคราวนี้ มุ่งดูความสัมพันธ์ของรายได้กับเงินได้พึงประเมินว่า สอดคล้องต้องกันหรือไม่ และมีเงินได้ที่อาจยังไม่ได้นำไปเสียภาษีหรือไม่ อันเป็นเหตุที่ควรตรวจสอบภาษีต่อไป ซึ่งจากการตรวจสอบพบเจ้าหน้าที่รัฐจำนวน 4 ราย ที่ควรขอให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการต่อไป ดังนี้
1. นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. กรณีดำรงตำแหน่งครบสามปี ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2564 โดยแสดงรายได้ของตนเอง(ผู้ยื่นบัญชี) และคู่สมรส ไว้หลายรายการ และแจ้งข้อมูลการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในรอบปีภาษีที่ผ่านมา ดังนี้
ผู้ยื่นบัญชี คู่สมรส เงินได้พึงประเมินตามม.40(1)-(8) 2,827,687.00 300,000.00
นายชยธรรม์ แจ้งข้อมูลทรัพย์สินว่ามีเงินให้กู้ยืมแก่นายเมตต์ ศรีนราวัฒน์ อาชีพ นักธุรกิจจำนวน 2,000,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. 58 โดยหมายเหตุว่า สถานะการร่วมลงทุนยังคงอยู่ แต่นายชยธรรม์ ไม่มีการแจ้งรายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมไว้แต่อย่างใด ดังนั้น กรณีจึงมีเหตุอันควรตรวจสอบว่า นายชยธรรม์ มีรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้กู้ยืมดังกล่าวหรือไม่ และมีการนำรายได้ไปชำระภาษีให้แก่กรมสรรพากรโดยถูกต้อง หรือไม่
2. นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. กรณีดำรงตำแหน่งครบสามปี ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2564 โดยแสดงรายได้ของตนเอง(ผู้ยื่นบัญชี) และคู่สมรส ไว้หลายรายการ และแจ้งข้อมูลการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในรอบปีภาษีที่ผ่านมา ดังนี้
ผู้ยื่นบัญชี คู่สมรส เงินได้พึงประเมินตาม ม.40(1)-(8) 1,727,458.73 723,075.00
เนื่องจากนายอายุตม์ ได้แจ้งรายได้บางรายการต่อ ป.ป.ช. ไว้ด้วย เช่น ค่าตอบแทนเหมาจ่ายรถประจำตำแหน่ง 174,000 บาท และค่าเช่าคอนโดของคู่สมรส 528,000 บาท เป็นต้น ดังนั้น กรณีจึงมีเหตุอันควรตรวจสอบว่า รายได้ดังกล่าวมีการนำไปรวมเสียภาษีให้แก่กรมสรรพากรโดยถูกต้อง หรือไม่
3.นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผอ.สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. กรณีดำรงตำแหน่งครบสามปี ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2564 โดยแสดงรายได้ของตนเอง(ผู้ยื่นบัญชี) และคู่สมรส ไว้หลายรายการ และแจ้งข้อมูลการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในรอบปีภาษีที่ผ่านมา ดังนี้
ผู้ยื่นบัญชี คู่สมรส เงินได้พึงประเมินตามม.40(1)-(8) 1,462,877.24 2,483,486.00
เนื่องจากนายรณรงค์ ได้แจ้งรายได้บางรายการต่อ ป.ป.ช. ไว้ด้วย เช่น ค่าเช่าสิ่งปลูกสร้าง 374,000 บาท และค่าเช่าที่ดิน 360,000 บาท เป็นต้น ดังนั้น กรณีจึงมีเหตุอันควรตรวจสอบว่ารายได้ดังกล่าวมีการนำไปรวมเสียภาษีให้แก่กรมสรรพากรโดยถูกต้อง หรือไม่
4.นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. กรณีดำรงตำแหน่งครบสามปี ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2564 โดยแสดงรายได้ของตนเอง(ผู้ยื่นบัญชี) และคู่สมรส ไว้หลายรายการ และแจ้งข้อมูลการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในรอบปีภาษีที่ผ่านมาดังนี้
ผู้ยื่นบัญชี คู่สมรส เงินได้พึงประเมินตาม ม.40(1)-(8) 1,724,367.18 393,758.52
เนื่องจากนายสุรชัย ได้แจ้งรายได้บางรายการต่อ ป.ป.ช. ไว้ด้วย เช่น ค่าไม่ใช้รถหลวง 381,600 บาท และค่าเช่าบ้านของคู่สมรส 264,000 บาท เป็นต้น ดังนั้น กรณีจึงมีเหตุอันควรตรวจสอบว่า รายได้ดังกล่าวมีการนำไปรวมเสียภาษีให้แก่กรมสรรพากรโดยถูกต้อง หรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวว่า จากข้อมูลที่ได้จากเว็บไซต์ ป.ป.ช. ข้างต้น จึงมีมูลเหตุที่ต้องส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาส่งเรื่องให้กรมสรรพากร ทำการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้ง 4 ราย ต่อไปว่า มีการนำรายได้ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. ไปชำระภาษีให้แก่กรมสรรพากรโดยถูกต้องหรือไม่ โดยเช้าวันเดียวกันนี้ ตนได้ส่งหนังสือไปแล้วทางไปรษณีย์ EMS
ทั้งนี้ ในวันที่ 28 ก.พ.นี้ เนื่องจากตนติดภารกิจ ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องคดีหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ที่ได้ฟ้องร้องนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย จึงมายื่นในวันนี้