ป.ป.ช.ขอข้อมูลหน่วยงานเกี่ยวข้อง จ่อเชิญคนให้ถ้อยคำสอบทรัพย์สิน “ดร.เอ้”

เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2565 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ “ดร.เอ้” กรณีดำรงตำแหน่งครบ 3 ปี อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) และว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ว่า โดยหลักการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของ ป.ป.ช. เมื่อมีผู้ยื่นมาแล้ว จะดำเนินการตรวจสอบความถูกต้อง ความมีอยู่จริงของทรัพย์สิน กรณีการยื่นทุก 3 ปีเป็นการตรวจสอบเพื่อเปรียบเทียบว่า ในระยะเวลาดังกล่าวมีทรัพย์สินใดเพิ่มเติม หรือน้อยลงผิดปกติหรือไม่ มีหนี้สินเพิ่มหรือลดลงอย่างไร หากพบว่า มีทรัพย์สินเพิ่มมากขึ้น หรือหนี้สินลดน้อยลงอย่างผิดปกติ หรือมีเหตุเป็นไปตามหลักกฎหมาย ไม่ได้หมายความว่าตรวจสอบกรณีของนายสุชัชวีร์แล้วพบความผิดปกติแต่อย่างใด เพียงแต่หากเข้าสู่โหมดดังกล่าว หรือมีเหตุอันควรสงสัยจะเสนอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนกรณียกเหตุอันควรสงสัยขึ้นมาเพียงเท่านั้น ดังนั้นในวันนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นมา 

ส่วนกรณีที่นายสุชัชวีร์มายื่นเรื่องให้ ป.ป.ช. เร่งรัดตรวจสอบ พร้อมชี้แจงข้อเท็จจริงเข้ามาด้วยนั้น นายนิวัติไชย กล่าวว่า ป.ป.ช. ได้รวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ขอย้ำว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ส่วนจะแล้วเสร็จอย่างไร ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน เอกสารต่าง ๆ ที่เราได้ขอจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกรมที่ดิน ธนาคาร หรือบุคคลที่จะเชิญมาให้ถ้อยคำ เหล่านี้ถ้าได้มาเร็ว จะสามารถสรุปเรื่องส่วนคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าได้มาช้า อาจต้องเสียเวลากับการค้นหาพยานหลักฐานพอสมควร

“ขอย้ำว่าการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน ป.ป.ช. ต้องพึ่งองค์กรหรือหน่วยงานอื่น หรือหน่วยงานเอกชนที่เกี่ยวข้อง ในเรื่องเอกสารที่เราต้องขอข้อมูลไป” นายนิวัติไชย กล่าว

• อยู่ระหว่างตรวจสอบนักการเมืองโยง “เครดิตสวิส”

ส่วนกรณีสื่อต่างประเทศเสนอข่าวว่าเกิดการรั่วไหลและช่องโหว่ในการฝากเงินของธนาคารชื่อดังระดับโลกอย่าง “เครดิตสวิส” โดยพบว่ามีนักการเมืองและข้าราชการระดับสูงของไทยหลายรายปรากฏชื่อเป็นลูกค้าของธนาคารดังกล่าวด้วยนั้น นายนิวัติไชย กล่าวว่า เบื้องต้น ป.ป.ช. ดำเนินการเฝ้าตรวจสอบข้อมูลเท่าที่ทำได้ พร้อมกับประสานขอข้อมูลไปยังประเทศต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง บางประเทศให้ข้อมูล บางประเทศไม่ให้ เราไม่สามารถทำอะไรได้ อย่างไรก็ดีที่ได้ข้อมูลมาแล้วจะมาตรวจสอบว่า เชื่อมโยงกับนักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐเหล่านั้นหรือไม่ โดยขอยืนยันว่าเรื่องนี้อยู่ระหว่างดำเนินการแล้วทั้งหมด