"นิกร" มอง "ระวี" เสนอแก้สูตรคำนวณ ส.ส. แบบพึงมี ส่อขัด รธน.มาตรา91

"นิกร" มอง "ระวี" เสนอแก้สูตรคำนวณ ส.ส. แบบพึงมี ส่อขัด รธน.มาตรา91

"นิกร" ชี้หลักการ รธน.ม.91 กำหนดสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อให้นำคะแนนรวมของพรรค หาคะแนน ต้องหาร 100 ไม่ใช่ 500 ตาม "ระวี" เสนอ บอกชงแก้ได้ แต่ระวังขัดรธน.ฉบับแก้ไข

              นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.​(ฉบับที่...) พ.ศ... และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่...​) พ.ศ... รัฐสภา กล่าวถึงกรณีที่น พ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ เตรียมเสนอคำแปรญัตติต่อสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยให้เป็นระบบปันส่วนผสม แทนระแบบคู่ขนานที่รัฐสภารับหลักการ ว่า การเสนอคำแปรญัตติดังกล่าวสามารถเสนอได้ตามสิทธิของส.ส. อย่างไรก็ดีในชั้นกมธ.ต้องพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง โดยเฉพาะประเด็นว่าคำแปรญัตติดังกล่าวจะขัดกับรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่1) พ.ศ. 2564 มาตรา 91 หรือไม่ เพราะมีเนื้อหาที่กำหนดไว้ชัดเจนว่า การคำนวณสัดส่วนส.ส.บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมือง ให้นำคะแนนของแต่ละพรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งมารวมกัน แล้วคำนวณเพื่อแบ่งจำนนวนผู้ที่จะได้รับเลือกตั้งของพรรคการเมือง เป็นสัดส่วนที่สัมพันธ์โดยตรงกับคะแนนรวมข้างต้น

              “เจตนารมณ์ของมาตรา 91 ของรัฐธรรมนูญที่แก้ไข คือ ให้หารด้วยจำนวน 100 คน เพื่อให้เป็นสัดส่วนที่สัมพันธ์โดยตรง  ไม่ใช่ใช้จำนวน 500 คน  ซึ่งเป็นโดยอ้อม ส่วนที่มีการอ้างถึงถ้อยคำในมาตรา 93 และมาตรา 94 ของรัฐธรรมนูญนั้นในชั้นการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ กรรมาธิการฯ เห็นว่าไม่เกี่ยวข้องกัน และแม้ไม่แก้ไขจะไม่มีผลในทางบังคับใช้ เหมือนเป็นไส้ติ่งเท่านั้น อย่างไรก็ดีมาตรา 93 และมาตรา 94 เป็นบทบัญญัติที่เกี่ยวเนื่องกับบัตรเลือกตั้งใบเดียว และกรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญเคยแก้ไขแล้ว แต่ถูกร้องว่าส่อขัดหลักการ จึงตัดออกภายหลัง  แต่ในที่ประชุมมองว่าแม้คงไว้ไม่มีผลใดๆ ทิ้งไว้แบบเดิมไม่มีปัญหา”นายนิกร กล่าว

 

 

              นายนิกร ย้ำด้วยว่า ถ้ามีผู้เสนอคำแปรญัตติในประเด็นดังกล่าว กมธ.ต้องรับและพิจารณา แต่จะมีปัญหาว่ารับแล้วจะผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ อย่างไรก็ดีหากผู้ที่เสนอคำแปรญัตติแพ้ในชั้นกมธ.สามารถสงวนความเห็ไปสู้ในที่ประชุมรัฐสภาได้ ส่วนกรณีที่นพ.ระวี ใช้สิทธิยื่นผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่ารัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขกระทบสิทธิของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งและพรรคการเมืองขนาดเล็กหรือไม่นั้น การทำงานของกมธ.ต้องเป็นไปตามกลไกของรัฐสภา จะหยุดพิจารณาไม่ได้

              นายนิกร กล่าวถึงการประชุมกมธ.ฯ นัดที่สองและสาม ในวันที่ 9-10 มีนาคมว่า กมธ.จะหารือร่วมกันในประเด็นที่เห็นต่างกัน เช่น การใช้หมายเลขผู้สมัคร จะใช้เบอร์เดียวกันทั้งแบบเขตและบัญชีรายชื่อ หรือแยกใช้คนละหมายเลข , การคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ เบื้องต้นจะคุยในหลักการ ก่อนลงรายละเอียดรายมาตรา นอกจากนั้นคือการกำหนดปฏิทินทำงาน โดยตนมองว่าระยะเวลาที่ปิดสมัยประชุม ถึง ปลายพฤษภาคม เพียงพอต่อการทำร่างพ.ร.ป.ทั้ง2 ฉบับ เพราะการแก้ไขร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งมีจำนวนมาตราน้อยและใช้ร่างของรัฐบาลเป็นหลัก เมื่อทำแล้วเสร็จ สามารถพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองได้ โดยอาจเพิ่มวันประชุมเป็น 3 วันต่อสัปดาห์ได้

 

              เมื่อถามว่าการเร่งพิจารณาร่างพ.ร.ป.จะสัมพันธ์กับกระแสเร่งรีบยุบสภาหรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า หากรีบสามารถเปิดวิสามัญได้ แต่หากไม่รีบรอการเปิดประชุมในสมัยสามัญ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับที่ประชุมส่วนใหญ่พิจารณา  ขณะที่กระแสข่าวยุบสภานั้น ตนมองว่าเป็นเรื่องปกติของสภาฯ ที่เกิดขึ้นได้ทุกยุคทุกสมัย เพราะเข้าสู่ช่วงปีที่4ของสภาฯ และเป็นครั้งสุดท้ายของฝ่ายค้านที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ดังนั้นต้องจัดเต็ม เพราะมีโอกาสเดียว ส่วนรัฐบาลต้องตั้งรับเต็มที่ ดังนั้นไม่มีกลิ่นยุบสภาอะไรทั้งสิ้น.