เจาะ 5 โปรโฟล์ผู้สมัคร "3 อิสระ 2 พรรคการเมือง" ท้าชนเลือกตั้ง "ผู้ว่าฯกทม."
เปิดศึกเมืองหลวง! สแกนโปรโฟล์ 5 แคนดิเดท ตัวแทน 2 พรรคการเมือง และ 3 ผู้สมัครอิสระ เตรียมลงเลือกตั้งศึกเมืองหลวง ชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.
ประกาศชัดเจนอีกหนึ่ง "ผู้สมัครอิสระ" ภายหลังลาออกจากตำแหน่งรองผู้ว่าฯกทม. "สกลธี ภัททิยกุล" เมื่อวันที่ 7 มี.ค.2565 เพื่อไปลงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ในนามอิสระ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาอนุมัติในวันที่ 8 มี.ค.นี้
กลายเป็นการเสนอตัวเป็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.คนที่ 5 ที่ประกาศตัวลงเลือกตั้งต่อจาก "วิโรจน์ ลักขณาอดิศร" จากพรรคก้าวไกล "สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์" จากพรรคประชาธิปัตย์ "รสนา โตสิตระกูล" ผู้สมัครอิสระ และ "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" ผู้สมัครอิสระ
ทำให้ขณะนี้(8 มี.ค.) มีตัวแทนจาก 2 พรรคการเมือง และ 3 ผู้สมัครอิสระ เตรียมลงเลือกตั้งศึกเมืองหลวง ชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นวันที่ 29 พ.ค.2565
การขยับของ "สกลธี" ครั้งนี้สอดคล้องกับสิ่งที่เจ้าตัวเคยประกาศไว้เมื่อเดือน ธ.ค.2564 ว่าสนใจงาน กทม. โดยจะแถลงเปิดตัว 17 มี.ค.นี้ ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีกระแสว่าจะเป็นตัวแทนพรรคไทยสร้างสรรค์ที่ก่อตั้งโดย "ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ" อดีตรมว.ศึกษาธิการ แต่แล้วสกลธีประกาศชัดเจนว่า
"ผมพร้อมและขออาสาเสนอตัวเป็นผู้สมัครในนามอิสระโดยจะใช้ประสบการณ์และหลายๆ สิ่งที่เก็บสะสมมาและอยากจะทำ ซึ่งผมอยากจะขอแรงสนับสนุนจากพี่น้องชาวกรุงเทพมหานคร ให้โอกาสผมและทีมงานได้รับใช้ทุกท่านด้วยนะครับ"
การเลือกตั้ง "ผู้ว่าฯกทม." ในปีนี้จะเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 8 ปีเศษจากการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 3 มี.ค.2556 ซึ่งเป็นการครองอำนาจมายาวนานตั้งแต่ยุค "อภิรักษ์ โกษะโยธิน" ต่อเนื่องไปถึงสมัย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นผู้ว่าฯ กทม. 2 สมัยช่วงปี 2547-2559
"กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" สำรวจโปรไฟล์ 5 ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ที่ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ดังนี้
• สกลธี ภัททิยกุล
บุตรชายคนโต พล.อ.วินัย ภัททิยกุล อดีตเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เกิดวันที่ 14 ตุลาคม 2520 (อายุ 44 ปี) มีชื่อเล่นว่า "จั้ม" โดยผู้สื่อข่าวสาย กทม.จะเรียกว่า "รองจั้ม"
จบการศึกษาในระดับมัธยมจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียลและโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จบปริญญาตรีจากคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโทด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยอินเดียน่า และมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน สหรัฐอเมริกา
ในทางการเมือง "สกลธี" ลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส.กทม.ครั้งแรกในนาทพรรคประชาธิปัตย์เมื่อปี 2550 ในพื้นที่เขต 4 (เขตจตุจักร, บางซื่อ, หลักสี่) ร่วมกับนายบุญยอด สุขถิ่นไทย และนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ซึ่งทั้งหมดได้รับเลือกตั้งทั้ง 3 คน
จากนั้นการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อปี 2554 "สกลธี" ได้ลงสมัครในกรุงเทพมหานคร เขต 11 (เขตหลักสี่) โดยมีคู่แข่งจากพรรคเพื่อไทย"สุรชาติ เทียนทอง" แต่ผลเลือกตั้ง "สกลธี" ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 2 ไม่ได้รับการเลือกตั้ง
จากนั้น "สกลธี" ได้ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ และร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ โดยได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการบริหารพรรคเมื่อวันที่ 29 ก.ย.2561 ต่อมา พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. ลงนามในคำสั่งกรุงเทพมหานครที่ 1215/2561 แต่งตั้ง "สกลธี" เป็นรองผู้ว่าฯกทม และเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.2564 ได้ยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ
กระทั่งวันที่ 7 มี.ค.2565 ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม. เพื่อเตรียมลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ในนามอิสระ โดยประกาศว่า แฮชแท็ค "กรุงเทพดีกว่านี้ได้"
อ่านประกอบ : "สกลธี" หลาน "3 ป." คอนเน็กชั่น ดันชิง"ผู้ว่าฯ กทม."
• ชัชชาติ สิทธิพันธุ์
อดีตแคนดิเดตบัญชีนายกฯ สังกัดพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 เคยเป็นอดีต รมว.คมนาคม ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
สำเร็จปริญญาวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมโยธา (เกียรตินิยมอันดับ 1) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิศวกรรมโครงสร้าง จากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ และวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์ สหรัฐอเมริกา ด้วยทุนมูลนิธิอานันทมหิดล ประจำปี 2530
ทางการเมือง "ชัชชาติ" ในฐานะนักวิชาการได้เข้ามาช่วยงานและให้คำปรึกษาแก่กระทรวงคมนาคมในสมัยรัฐบาลทักษิณ 2 และรัฐบาล "สมัคร สุนทรเวช" ต่อมาในปี 2555 ได้รับการทาบทามให้เป็น รมช.คมนาคม ในเดือน ม.ค.2555 จากนั้นได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็น รมว.คมนาคม ในเดือน ต.ค.2555
ในโลกออนไลน์ ได้ความนิยมจากรูปภาพ "ชัชชาติ" เดินเข้าไปทำบุญใส่บาตรภายในวัดแห่งหนึ่งที่ จ.สุรินทร์ โดยสวมเสื้อแขนกุดหิ้วถุงอาหาร และเดินด้วยเท้าเปล่า ภาพดังกล่าวได้ถูกแชร์อย่างรวดเร็ว มีผู้คนตัดต่อภาพล้อเลียนมากมาย โดยชัชชาติได้รับฉายา "รัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี"
สำหรับเวทีเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. "ชัชชาติ" ได้ลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยในช่วงปลายปี 2552 หลังจบการเลือกตั้งใหญ่ โดยได้เปิดตัวกิจกรรมเป็นครั้งแรกในธีม "ชัชชาติชวนคุย คนกรุงเทพฯ ช่วยคิด" เพื่อต่อยอดเป็นนโยบายการพัฒนากรุงเทพฯ ในการลงเลือกตั้งในนามอิสระ
จากนั้นตลอด 2 ปี "ชัชชาติ" ได้ลงพื้นที่หลายเขตของกรุงเทพฯ เพื่อเก็บข้อมูลจัดทำนโยบายเตรียมลงเลือกตั้ง โดยเฉพาะการเปิดตัว "ดร.ยุ้ย" ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเสนาดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) มาเป็นทีมนโยบายเตรียมพร้อมเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. โดยใช้สโลแกนหาเสียงว่า "มาช่วยสร้างกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคน"
อ่านประกอบ : เปิดวิธีคิดมองกรุงเทพฯ "ดร.ยุ้ย-เกษรา" จากวงการอสังหาฯ สู่มือขวาทีมเศรษฐกิจ "ชัชชาติ"
• รสนา โตสิตระกูล
อดีต ส.ว.กทม.ที่ได้รับคะแนนการเลือกตั้งมากที่สุดจาก ส.ว.ทั่วประเทศในปี 2551 อยู่ที่ 743,397 คะแนน ส่วนเส้นทางการศึกษา "รสนา" จบชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนสตรีมหาพฤฒาราม และจบปริญญาตรีจากคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อปี 2517
ที่ผ่านมาบทบาท "รสนา" เป็นนักต่อสู้เรื่องสิทธิผู้โภค สิทธิประชาชน เคยมีตำแหน่งมากมาย อาทิ เลขาธิการมูลนิธิสุขภาพไทยกรรมการอิสระ แกนนำเครือข่าย 30 องค์กรพัฒนาเอกชนเพื่อผู้บริโภคกรรมการเตรียมการจัดตั้งสภาพัฒนาการเมือง และยกร่างแผนแม่บทพัฒนาการเมือง สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
"รสนา" ยังเคยเป็นกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและติดตามกระบวนการและมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภานิติบัญญัติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ประธาน สหพันธ์องค์กรผู้บริโภค (2 สมัย)
โดยเฉพาะในปี 2547 เป็นหนึ่งในแกนนำเคลื่อนไหวล่ารายชื่อ 50,000 รายชื่อ ยื่นตรวจสอบการทุจริตยาของกระทรวงสาธารณสุขจนเป็นเหตุให้นายรักเกียรติ สุขธนะ รมว.สาธารณสุขขณะนั้น ถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลา 15 ปี และถูกยึดทรัพย์เป็นจำนวน 233.8 ล้านบาท รวมเวลาการเคลื่อนไหวกว่า 6 ปี ถือเป็นคดีทุจริตนักการเมืองคดีแรกของประวัติศาสตร์
สำหรับเส้นทางเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. "รสนา" ได้เปิดตัวเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2562 ประกาศลงสมัครในนาม "ผู้สมัครอิสระ ตัวจริง" ใช้สโลแกนหาเสียงว่า "กทม.มีทางออกบอกรสนา" ในยุทธศาสตร์เน้นการมีส่วนร่วมภาคประชาชน
• สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์
อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) สู่ถนนการเมืองว่าที่ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จากพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นการเปิดตัวจากพรรคการเมืองคนแรกในสนาม กทม.ครั้งนี้ โดยใช้สโลแกนหาเสียงว่า "เปลี่ยนกรุงเทพ เราทำได้"
สำหรับประวัติการศึกษา "ดร.เอ้" จบปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ (วิศวกรรมโยธา) สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จบปริญญาโท นโยบายและเทคโนโลยี Massachusetts Institute of Technology (MIT), สหรัฐฯ ส่วนปริญญาโทอีกใบจาก วิศวกรรมศาสตร์ (วิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม) The University of Wisconsin-Madison, สหรัฐฯ และปริญญาเอกวิศวกรรมศาสตร์ (วิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม) Massachusetts Institute of Technology (MIT), สหรัฐฯ
"ดร.เอ้" เคยให้สัมภาษณ์กรุงเทพธุรกิจเมื่อเดือน ส.ค.2562 ในจุดประกายทอล์ค ถึงความหวังในการพัฒนากรุงเทพฯ เป็นสมาร์ทซิตี้ ไว้อย่างน่าสนใจว่า อยากเห็นกรุงเทพฯ เปลี่ยน ผมอยากให้คนกรุงเทพฯ ไม่ต้องถูกรังแกจนเคยชิน พูดว่ารถในกรุงเทพฯ ยังไงก็ติดเห็นน้ำท่วมในซอยบ้าน จนคิดว่ามันไม่มีทางที่น้ำจะไม่ท่วม จนชินขณะที่โตเกียว คน 40 กว่าล้านคน หนาแน่นกว่ากรุงเทพฯ แต่รถไม่ติด เจอพายุไต้ฝุ่น 7-12 ลูกต่อปี หนักกว่าไทย ทำไมน้ำไม่ท่วม พื้นที่ต่ำกว่าแม่น้ำอ่าวโตเกียวตั้งเยอะ แต่น้ำไม่ท่วม ทำไมเขาทำได้
ฝั่งพรรคประชาธิปัตย์ ยังบอกถึงดีกรี "ดร.เอ้" ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. อาทิ เป็นศาสตราจารย์ด้านการก่อสร้างใต้ดินและอุโมงค์คนแรกของไทยตอน อายุ 37 ปี เป็นอธิการบดีที่อายุน้อยที่สุดในประเทศด้วยวัยเพียง 43 ปี จากโปรเจกต์จบปริญญาตรีเรื่องงานวิจัยออกแบบรถไฟฟ้าใต้ดินเส้นแรกของไทย สู่การเป็น 1 ในทีมผู้สร้างรถไฟฟ้าใต้ดินเส้นแรกของไทย
นอกจากนี้ ยังเคยเป็นนายกวิศวกรรมสถานแห่งชาติแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 7 สมัย และเป็นชาวอาเซียนเพียงคนเดียวที่ได้รับรางวัลระดับโลก Eisenhower Fellows 2013 ด้านวิศวกรรมเทคโนโลยี ในฐานะผู้นำยุคใหม่ของโลก
ขณะเดียวกันเป็นผู้นำทีมก่อสร้างโครงการ “แก้มลิงใต้ดิน” แห่งแรกในไทย ณ วัดมังกรกมลาวาส แก้ปัญหาน้ำท่วมเพื่อคนกรุงเทพฯโดยเฉพาะได้รับฉายาว่า “The Disruptor เมืองไทย” มีแฮชแท็กประจำตัวว่า #จะทำก็ทำได้
• วิโรจน์ ลักขณาอดิศร
ตัวแทนจากพรรคก้าวไกล ถือเป็นอีกหนึ่งนักตรวจสอบในช่วงเป็น ส.ส.ตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ ถึงพรรคก้าวไกล มีบทบาทในสภาโดยเฉพาะการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในประเด็นเปิดโปง "ปฏิบัติการข่าวสาร" กองทัพ หรือ "ไอโอกองทัพ" เมื่อเดือน ก.พ.2563
"วิโรจน์" สำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษา ที่โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ระดับปริญญาตรี จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ (วิศวกรรมยานยนต์) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และระดับปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (เศรษฐศาสตร์) จากคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (หลักสูตรนานาชาติ)
ที่ผ่านมาช่วงปี 2541-2543 เคยทำงานวิศวกรควบคุมคุณภาพ บริษัท อีซูซุ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จากนั้น 2543-2546 เป็นเจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาด้านระบบบริหารคุณภาพ และการบริหารจัดการ บริษัท โนโว ควอลิตี้ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ต่อมาในปี2546 เคยเป็นผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลและพัฒนาองค์กร บมจ. ซีเอ็ดยูเคชั่น และได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งอื่นๆ ในองค์กรเพิ่มเติมในเวลาต่อมา อาทิ
ผู้อำนวยการศูนย์การเรียนรู้ซีเอ็ด (SE-ED Learning Center) ผู้ช่วยผู้อำนวยการ SE-ED Book Center ด้านกิจกรรมการตลาดและผู้ช่วยผู้อำนวยการ SE-ED Book Center ด้านการบริหารกลุ่มสินค้าที่ไม่ใช่หนังสือ ที่ปรึกษาโรงเรียนเพลินพัฒนา และในปี2556 เป็นกรรมการ บริษัท เบสแล็บ จำกัด
"วิโรจน์" บอกว่าตัวเขาเองสนใจด้านการศึกษา เศรษฐกิจเป็นคนชอบอ่านหนังสือ มี "ลิเวอร์พูล" เป็นสโมรสรที่รักประจำใจ และมีสโลแกนหาเสียง "พร้อมชนเพื่อคนกรุงเทพ"