"พรรคกล้า" ยื่นหมื่นชื่อร้องผู้ตรวจฯ แก้ข้อบังคับเอาผิด ส.ส.โดดร่ม
“พรรคกล้า” ยื่น 10,126 รายชื่อ ร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน เสนอแก้ไขข้อบังคับประชุมสภา เอาผิดส.ส.ประชุมแล้วไม่แสดงตน เหตุ กมธ.กิจการสภาฯ ไม่เปิดกว้างรับฟังความเห็น อัด ส.ส.มีเอกสิทธิ์ แต่ต้องไม่เหนือคนทั่วไป
เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2565 ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ ผู้เสนอตัวสมัคร ส.ส.กทม พรรคกล้า พร้อมด้วย นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้พิจารณาเสนอแนะต่อสภาผู้แทนราษฎร ขอให้แก้ไขข้อบังคับการประชุมสภาฯ โดยให้มีการเพิ่มโทษกับ ส.ส. ที่มาประชุมแต่ไม่แสดงตน จนเป็นเหตุที่ทำให้เกิดสภาล่ม 17 ครั้ง ความเสียหายรวมกว่า 70 ล้านบาท
นายพงศ์พล กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ยื่นหนังสือถึงประธานสภาฯ และได้เข้าชี้แจงคณะกรรมาธิการกิจการสภาฯ เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยนำรายชื่อประชาชนจำนวน 1 หมื่นกว่ารายชื่อที่เห็นว่าควรมีการแก้ไขข้อบังคับฯ ไปมอบให้ด้วย แต่เมื่อชี้แจงได้เพียงระยะหนึ่งกรรมาธิการฯ อ้างว่าข้อมูลประกอบการชี้แจงเชื่อถือไม่ได้ ทั้งที่เป็นข้อเท็จจริงซึ่งปรากฎต่อสื่อมวลชนโดยทั่วไปอยู่แล้ว และเชิญตัวแทนพรรคกล้าออกจากที่ประชุม ซึ่งรู้สึกผิดหวังและเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้น สะท้อนถึงความไม่จริงจังในการรับฟังเสียงประชาชนที่ต้องการหาวิธีให้การทำงานของสภาฯ มีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับข้อเสนอที่ให้มีการแก้ไขข้อบังคับการประชุมสภาฯ นายพงศ์พล กล่าวว่า เสนอให้มีการเพิ่มโทษทางวินัย ส.ส.ที่มาประชุมแต่ตั้งใจไม่แสดงตน 3 ข้อ 1.โทษทางแพ่ง หักเงินในวันที่ไม่แสดงตัว โดยคิดเป็นอัตรารายวัน คิดคำนวณตามฐานเงินเดือน 2.โทษใบเหลือง ถ้าขาดการแสดงตนเกินร้อยละ 10 หรือขาดเกิน 3-5 ครั้ง จะถูกจำกัดสิทธิในการโหวตรับร่างกฎหมาย และอภิรายในการประชุม 2 ครั้ง และ 3.โทษใบแดง ถ้าขาดการแสดงตนเกินร้อยละ 25 จะถูกจำกัดสิทธิในการลงสมัคร ส.ส. และดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งโทษดังกล่าวเทียบเคียงมาจากมาตรฐานวิชาชีพต่างๆ เช่น นักเรียน ถ้ามาโรงเรียนแล้วไม่เข้าห้องเรียนก็โดนตัดคะแนน หรือพนักงานเงินเดือน ถ้าขาดงานก็จะโดนตัดเงินเดือน
“พรรคดำเนินการเรื่องนี้ด้วยความหวังดี อยากให้สภาฯกลับมาเป็นที่เชื่อมั่น ศรัทธาของประชาชน แต่ทางกรรมาธิการฯ กลับบอกว่า จะเอา ส.ส.ไปเทียบกับนักเรียน หรือพนักงานเงินเดือนไม่ถูก เพราะ ส.ส.มีเอกสิทธิ์ว่าเราจะทำงานอย่างไรก็ได้ ซึ่งเรารู้สึกว่าโลกให้สิทธิคนเท่าเทียมกัน แต่เอกสิทธิ์ ส.ส.ที่ลอยเหนือสิทธิคนทั่วไป แม้ในเรื่องการทำงาน ผมว่าอย่างน้อยก็ควรมีการเกลาเพื่อให้มีประสิทธิภาพ ผมไม่ได้บอกว่าจะไปละเมิดสิทธิของสภาฯ ของส.ส.ที่มีอยู่เดิม แต่อยากให้ผลงานสภาฯที่ดีสุด“นายพงศ์พล
นายแสนยากรณ์ โฆษกพรรคกล้า กล่าวว่า เมื่อรู้สึกว่าถูกปิดกั้นจากคณะกรรมาธิการฯ จึงขอใช้สิทธิ์นำรายชื่อประชาชน ที่นายพงศ์พลรวบรวมมา 10,126 รายชื่อ ยื่นต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ในฐานะองค์กรที่มีหน้าที่และอำนาจเสนอแนะในการปรับปรุงการทำงาน กฎหรือระเบียบข้อบังคับต่อหน่วยงานของรัฐ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 130(1) เพื่อขอให้มีข้อเสนอแนะไปยังสภาฯ โดยเสนอให้มีการแก้ไขข้อบังคับการประชุม รวมทั้งมีข้อเสนอเกี่ยวกับกระบวนการของคณะกรรมาธิการ ในการรับฟังความคิดเห็นประชาชน เพื่อไม่ให้รู้สึกถูกปิดกั้นในกรณีต่อๆ ไป