"ก้าวไกล" จ่อเอาผิด ม.157 เจ้าหน้าที่ ปมออกหมายจับ "โรม"อภิปรายป่ารอยต่อฯ
อัยการตรวจสำนวน "รังสิมันต์" หลังถูกออกหมายจับ ปมอภิรายป่ารอยต่อฯ เบื้องต้นยังไม่สั่งฟ้อง พบสำนวนไม่สมบูรณ์ นัดสอบปากคำอีกครั้ง 31 มี.ค.
18 มี.ค.2565 นาย รังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล เข้าพบพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางขุนนนท์ หลังถูกออกหมายจับ ในความผิดฐาน หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เมื่อต้นปี 2563
นายรังสิมันต์ ระบุว่า การเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้ เป็นการเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจตามหมายจับ และเพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ และป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐอาศัยช่องว่างตรงนี้ในการกระทำการบังคับใช้กฎหมายโดยมิชอบ ซึ่งการออกหมายจับในครั้งนี้เนื่องมาจากตนได้อภิปรายเรื่องปัญหามูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด เมื่อช่วงต้นปี 2563
“แต่แล้วจู่ๆก็มีการออกหมายจับของศาลจังหวัดตลิ่งชัน ซึ่งผมตั้งข้อสังเกตุว่าทำไม่ถึงมีการออกหมายเรียก และหมายจับในช่วงที่กำลังอภิปรายเรื่องตั๋วช้าง การค้ามนุษย์ นอกจากนี้คดีดังกล่าวยังมีโทษจำคุกสูงเกิน 3 ปี และตัวเองมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีพฤติกรรมหลบหนี แต่กลับถูกออกหมายจับ ”
ต่อมาพบว่าถูกตำรวจนครบาลบางขุนนนท์ ออกหมายเรียก 2 ครั้ง คือ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ และ วันที่ 5 มีนาคม เพื่อให้ไปพบกับตำรวจในวันที่ 11 มีนาคม ซึ่งในช่วงเวลาที่มีการออกหมายเรียกอยู่ในระหว่างสมัยประชุมของสภาผู้แทนราษฎร ในสภาจึงยังไม่สามารถเข้าพบเจ้าหน้าที่ได้ พร้อมส่งทนายความส่วนตัวชี้แจงกับพนักงานสอบสวนไปแล้วว่า ซึ่งพนักงานสอบสวนก็รับปากว่าจะมีการถอนหมายก่อน
นาย รังสิมันต์ บอกอีกว่า ตามกระบวนการหากวันนี้ มีการส่งฟ้องกับพนักงานอัยการ ถ้าให้ประกันตัวตนก็สู้ไปตามกระบวนการ แต่หากไม่ให้ประกันตัว จะมีผลกับตำแหน่งความเป็น ส.ส. และการทำหน้าที่ในสภาอย่างแน่นอน การบังคับใช้กฎหมายในลักษณะนี้มองว่าเป็นการบังคับใช้กฎหมายโดยมิชอบ ไม่ใช่แค่ตน แต่กับพี่น้องประชาชนที่มีความเห็นต่างก็ถูกดำเนินคดีไปตามๆกัน พี่น้องบางคนที่ถูกดำเนินคดี มีการเข้ารายงานตัวไม่มีประวัติเสียแต่กลับถูกสวมกำไลอีเอ็ม มันสะท้อนให้เห็นการทำงานของกระบวนการยุติธรรม
“ตอนนี้มันไม่สามารถเรียกว่ากระบวนการยุติธรรมได้แล้ว ต้องเรียกว่า กระบวนการอยุติธรรม ส่วนตัวไม่ได้กังวลใจ และมองว่ากระบวนการในชั้นพนักงานอัยการคงจะไม่ไปถึงขนาดนั้น ส่วนการดำเนินคดีกลับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจผมจะทำอย่างแน่นอน ยอมรับว่าลำบากใจ เข้าใจว่าตำรวจผู้น้อยถูกบีบมา แต่การที่ท่านถูกบีบมาและมาบังคับใช้กฎหมายกับประชาชนโดยมิชอบ ผมก็ยอมรับไม่ได้เช่นกัน”
ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส. บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า วันนี้เดินทางมาให้กำลังใจกับโรม และอยากจะเข้าไปถามถึงกระบวนการขั้นตอนการออกหมายจับในครั้งนี้ อยากถามว่าถ้าวันนี้คู่ขัดแย้ง หรือโรมไม่ได้เป็นพูดพาดพิงไปถึงพลเอกประวิตร การบังคับใช้กฎหมายจะออกมาในรูปแบบนี้ไหม
ขณะที่ นาย กฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความเปิดเผยว่า ขั้นตอนวันนี้หลังจากรับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวนแล้ว คาดว่า จะส่งตัวไปให้พนักงานอัยการ เพื่อพิจารณาส่งฟ้อง ส่วนทีมทนายความ เตรียมหลักทรัพย์ไว้ หากจำเป็นต้องใช้ในการประกันตัว เพื่อสู้คดีในกระบวนการยุติธรรม ต่อไป
ต่อมาภายหลังจากที่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางขุนนนท์ นำตัว นายรังสิมันต์ โรม ส่งอัยการศาลแขวงตลิ่งชัน พิจารณาสั่งคดี
นายรังสิมันต์ ได้ออกมาเปิดเผยว่า อัยการได้ทำการรับสำนวนจากพนักงานสอบสวนไว้ตรวจสอบ และให้พนักงานสอบสวนไปสอบปากคำตนเพิ่มเติม เนื่องจากเห็นว่า สำนวนการสอบสวน พฤติการณ์ และข้อหายังไม่สมบูรณ์ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้นัดสอบปากคำอีกครั้งในวันที่ 31 มีนาคม เวลา 10.00น.
สำหรับประเด็นในการสอบสวนก็จะเป็นเรื่องพฤติการณ์ในการทำความผิด และข้อหาที่อาจจะมีเข้ามาเพิ่มเติม เบื้องต้นยังไม่ได้มีการนัดฟังคำสั่งจากทางอัยการ แต่คาดว่าจะมีการนัดเจออัยการอีกครั้งในวันที่ 21 เม.ย.65
หลังจากนี้พรรคก้าวไกลก็จะต้องพิจารณาเรื่องการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย ทั้งในชั้นของตำรวจ และศาล ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 157
“ยอมรับว่าค่อนข้างแปลกใจว่าทำไมศาลถึงอนุมัติออกหมายจับ อยากรู้เหมือนกันว่าผู้พิพากษาท่านใดเป็นผู้เซ็นต์อนุมัติหมายศาลและที่ต้องดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องเพราะต้องการให้เป็นบรรทัดฐานว่า คดีที่ถูกนายสั่งมาจะไม่เป็นที่ยอมรับอีกต่อไป ฝากบอกตำรวจและเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องว่า เข้าใจว่าบางคนจำใจต้องทำเพื่อปากเพื่อครอบครัว ในสังคมแบบนี้ แต่จะบอกว่าหากพวกท่านยังทำแบบนี้ประชาชนจะเสื่อมศรัทธาในกระบวนการยุติธรรม และจะทำให้กลไกลพังทั้งระบบ และต่อไม่จะไม่เหลือคุณค่าอะไรเลย”
ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส. บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่าจริงๆแล้วโรม ไม่ได้มีพฤติกรรมหลบหนี ไม่จำเป็นที่จะต้องออกหมายจับด้วยซ้ำ ซึ่งสะท้อนได้อย่างชัดเจนถึงความผิดปกติกระบวนการยุติธรรมของประเทศ การทำงานหลังจากนี้ของพรรคก็คงต้องทั้งรุกทั้งรับ เพราะอาจจะมีการยื่นหนังสื่อขอความเป็นธรรมจากศาลด้วย ฝากไปยังรัฐบาล “จับหนูตัวเดียวอย่าเผาทั้งนา”
"สิ่งที่คุณจะทำคือการปิดปากฝ่ายนิติบัญญัติ ต้องการทำให้กลัว ทำให้กลไกลประชาธิปไตยไม่ทำงาน ในการที่ตรวจสอบหรือถ่วงดุลรัฐบาลเป็นสิ่งที่ ส.ส.ต้องทำ อย่าให้ต้องพูดแค่สิ่งที่รัฐต้องการให้พูด แต่ต้องให้พูดในความเป็นจริง นี่่เป็นสิ่งที่พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อน
“ไม่หมดกำลังใจที่จะเดินหน้าทำงานต่อ ไม่กังวลและไม่ประมาท ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้กำลังใจ และขอให้ทุกคนจับตามองในเรื่องนี้ต่อไป เพราะขนาดผู้แทนราษฎรยังถูกดำเนินคดีขนาดนี้แล้วกับพี่น้องประชาชนจะขนาดไหน”
สำหรับบรรยากาศที่หน้า สน.บางขุนนนท์ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 50นาย ได้นำแผงเหล็กกกั้นปิดทางเข้า-ออก ไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปด้านใน ในขณะที่ด้านนอกรั้ว มีกลุ่มพี่น้องประชาชนที่เดินทางมาให้กำลังใจ มีการชูป้ายผ้า #save โรม พร้อมขึ้นปราศัยบนรถเครื่องเสียงเคลื่อนที่เป็นระยะ โดยทั้งหมดจะปักหลักรอจนกว่า นายรังสิมันต์ จะเดินทางออกจากสถานีตำรวจ
ต่อมาเวลา 09.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางขุนนนท์ ได้ควบคุมตัว นายรังสิมันต์ ขึ้นรถตู้ตราโล่ เพื่อนำตัวส่งอัยการศาลแขวงตลิ่งชัน โดยมีกลุ่มมวลชนเดินทางจาก สน.บางขุนนนท์ ตามไปที่ศาลเพื่อรอฟังผลว่าพนักงานอัยการจะมีการสั่งฟ้องหรือไม่