"กรณ์" ควง ผู้สมัครส.ส.ภูเก็ต ลงพื้นที่ ย้ำ ยุทธศาสตร์ภูเก็ตจัดการตนเอง
'กรณ์' ลงภูเก็ต ควงผู้สมัครทำงานต่อเนื่อง ย้ำยุทธศาสตร์ภูเก็ตจัดการตนเอง ชี้เป็นทางรอดด้านเศรษฐกิจและโอกาสทำกิน ยุคหลัง "โควิด-19"
19 มีนาคม 2565 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมด้วยนายเทมส์ ไกรทัศน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดภูเก็ต ได้เข้าร่วมงาน กับสมาคมท่องเที่ยวจังหวัดอันดามัน เรื่องการใช้ Digital Hub พัฒนาการท่องเที่ยว จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์ โดยย้ำถึง นโยบายสำคัญต่อภูเก็ตว่า พรรคกล้ามีความชัดเจนมาแต่แรกว่าสิ่งที่เราจะทำให้ภูเก็ต คือเรื่องของการสร้างโอกาสการทำมาหากิน เศรษฐกิจปากท้อง เป็นหลัก
ที่ผ่านมาเราต้องยอมรับว่านโยบาย “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ที่ผ่านมา ถือเป็นนวัตกรรมทางนโยบายซึ่งเป็นตัวยืนยันว่าภูเก็ต มีโอกาส ศักยภาพ และความต้องการที่แตกต่างกว่าหลาย ๆ จังหวัด ซึ่งควรต้องกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนในยุคหลังโควิด
นายกรณ์ กล่าวว่า การเปิดโอกาสให้ภูเก็ตบริหารตัวเองได้ ก็จะสามารถกำหนดนโยบายได้อย่างแม่นยำ ทันต่อสถานการณ์และทันต่อความต้องการ คนภูเก็ตต้องได้บริหารงบประมาณของตนเอง ภาษีที่เก็บได้ต้องเข้าจังหวัดมากขึ้น สามารถกำหนดยุทธศาสตร์และนโยบายที่เป็นอนาคตที่เหมาะสมของตัวเองได้ และควรได้เลือกผู้ว่าฯ เลือกผู้บริหารเมืองได้เอง
รวมถึงการปฏิรูประบบราชการล้าหลังด้วยเทคโนโลยีสามารถทำทุกอย่างได้บนมือถือจะสามารถลดขั้นตอนและเวลาในการติดต่อราชการที่ล่าช้า ขณะเดียวกันภูเก็ตยังควรบริหารงานตำรวจเอง เวลาเกิดเหตุกับนักท่องเที่ยว สามารถจัดการกันได้ในพื้นที่ ไม่ต้องขึ้นกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคกล้า ยังมองถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังเกิดสงคราม ยูเครน รัสเซีย ว่า หลายอย่างจะเปลี่ยนไป ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความเป็นมิตรประเทศ ประเทศคู่ค้ากัน ผลของค่าครองชีพ ซึ่งเราได้รับผลกระทบแล้วจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลต่อราคาสินค้าหลายชนิด และมันจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกมากมาย สะท้อนถึงความสำคัญของความยืดหยุ่นที่ต้องมี ในการกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมกับตัวเรา
และนี่คืออีกสาเหตุที่ต้องให้ภูเก็ตมีการบริหารที่มีความยืดหยุ่นได้ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที และเมื่อเปลี่ยนแปลงไปแล้ว โอกาสที่จะทำให้ ประเทศไทย และภูเก็ต ซึ่งเป็นประเทศที่เป็นมิตรกับทุกคนอยู่แล้ว เรารักษาความเป็นกลางมาโดยตลอด ทำให้เรามีโอกาสในอนาคตที่จะเป็นที่พักพิงของทุกฝ่าย และเป็นประเทศที่เป็นคู่ค้าได้กับทุกคน แน่นอนว่าเป็นโอกาสของภูเก็ต
นอกจากนี้ในส่วนของการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวบางประเทศที่รู้สึกไม่สบายใจ ที่จะไปเที่ยวกับประเทศที่ไม่เป็นมิตรกับเขา ทุกคนก็จะสบายใจที่มาประเทศไทย ตรงนี้ถือว่าเป็นโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นในแง่ของความสัมพันธ์ในประเทศของเรา
“จังหวัดภูเก็ตต้องพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจท่องเที่ยวพิเศษ เป็นเมืองระดับ World Class ดังนั้นจึงต้องมีการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานให้ประชาชน เป็นเมืองที่ปลอดภัย มีการจัดแพคเกจจูงใจเพื่อให้เกิดการลงทุนด้านการท่องเที่ยว ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวพรีเมียม เชื่อว่าถ้าทำได้ เดินหน้าสร้างเศรษฐกิจได้เร็วและแข็งแรงอย่างแน่นอน” นายกรณ์ กล่าว
ด้านว่าที่ ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดภูเก็ต เทมส์ ไกรทัศน์ กล่าวว่า 2 ปีที่เสนอตัวว่าจะลงสมัคร ส.ส. ในนามพรรคกล้า ตนได้ทำงานในพื้นที่มาโดยตลอด และพิสูจน์ว่า แม้ไม่มีตำแหน่งทางการเมือง แต่ในฐานะที่เป็นลูกหลานคนภูเก็ต ก็ขอทุ่มแรงกายแรงใจพัฒนาบ้านเกิดของตัวเอง พร้อมกับยืนยันว่า ภูเก็ตต้องเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไป เพราะภูเก็ตมีทั้ง ศักยภาพและโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมาก ตามที่หัวหน้าพรรคกล้า ได้กล่าวไปข้างต้น