"หมอระวี" เผย มีแปรญัตติ ชง3สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเล็ก30เสียงหนุน
นพ.ระวี ฐานะ กมธ.แก้กม.ลูก จ่อเสนอที่ประชุมให้เชิญผู้แปรญัตติ ร่วมเสนอเนื้อหา หวังประหยัดเวลาพิจารณา เผยมีคนชง 3 สูตร คำนวนณส.ส.บัญชีรายชื่อ
นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ฐานะกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่...) พ.ศ.. และ ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่...) พ.ศ... รัฐสภา กล่าวถึงการประชุมกมธ.ฯ 1 สัปดาห์ หลังจากที่พบว่ามีกมธ. ติดเเชื้อโควิด-19 โดยเชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อระยะเวลาพิจารณาเนื้อหามากนัก อย่างไรก็ดี ในการกลับการประชุมสัปดาห์หน้า ตนจะเสนอให้ที่ประชุม เชิญผู้ที่เสนอคำแปรญัตติในมาตรา ซึ่งตรงกับประเด็นที่กมธ.ฯ พิจารณา มาร่วมประชุมเพื่อประหยัดเวลาพิจารณา และสามารถทำงานให้แล้วเสร็จตามกำหนด คือ ช่วงปลายเดือนเมษายน นี้
นพ.ระวี กล่าวด้วยว่าขณะนี้ตนยังไม่เห็นรายละเอียดของคำแปรญัตติที่สมาชิกรัฐสภาเสนอมายังกมธ. ทราบเพียงจำนวนผู้เสนอและจำนวนมาตราที่เสนอแก้ไขเท่านั้น อย่างไรก็ดีในการเสนอสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทราบเบื้องต้นว่ามี 3 สูตร คือ
1.สูตรของพรรคใหญ่ที่ใช้คะแนนพรรค หารด้วยสำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ซึ่งจะทำให้มีผลลัพท์คะแนนต่อส.ส.1 คนที่ 3.7 แสนคะแนน
2. สูตรที่เสนอแปรญัตติ ให้ใช้คะแนนพรรค หารด้วยจำนวน ส.ส.ทั้งหมด คือ 500 คน เพื่อให้ได้ส.ส.พึงมี โดยมีคะแนน 7.4หมื่นคะแนนต่อส.ส. 1 คน
และ 3. สูตรพรรคเล็ก ให้นำคะแนนของบัญชีรายชื่อ หรือคะแนนพรรครวมกับคะแนนผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.เขต หารด้วยจำนวนส.ส.ทั้งหมด คือ 500 คน เพื่อให้ได้ส.ส.พึงมี โดยจะได้คะแนน 1.5แสนคะแนนต่อ ส.ส. 1 คน ทั้งนี้ในประเด็นการคำนวณนั้น กมธ. ยังไม่ได้พิจารณาเนื้อหา แต่เบื้องต้นสูตรที่เสนอแปรญัตติและสูตรพรรคเล็กนั้น มีส.ส.ประมาณ 30เสียงสนับสนุน
นพ.ระวี กล่าวด้วยว่าสำหรับการทำงานในกมธ.มีประเด็นที่ตนกังวล คือ กมธ.ที่มาจากพรรคการเมืองใหญ่ไม่ฟังเสียงข้างน้อย โดยก่อนหน้านี้ตนเสนอให้ที่ประชุมตั้งที่ปรึกษา โดยเสนอชื่อนายปรีดา บุญเพลิง ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคครูไทยเพื่อประชาชน และ นายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ แต่กมธ. ไม่เห็นด้วย พร้อมให้เหตุผลว่า กมธ.ทั้ง 49 คน มีจำนวนเยอะ และแต่ละคนเป็นเซียนทางกฎหมายแล้ว
“เหตุผลที่ผมเสนอเพื่อให้มีตัวแทนส.ส.พรรคเล็กร่วมสู้ในกมธ.ฯด้วย เพราะพรรคเล็กมีผมเพียงคนเดียว และได้สิทธิพูดแค่หนึ่งครั้ง ต่างจากพรรคใหญ่ และหากลงมติผมก็เป็นฝ่ายแพ้ แต่ผมเข้าใจว่าระบบประชาธิปไตยเป็นแบบนี้ ดังนั้นหากแพ้ในชั้นกรรมาธิการ ยังมีชั้นของวาระสองในรัฐสภาไว้สู้ แต่หากชั้นรัฐสภาสู้ไม่ได้ จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญในท้ายที่สุด ทั้งนี้ผมขอย้ำว่าการสู้ครั้งนี้ไม่ใช่สู้เพื่อตัวเองหรือพรรคเล็ก แต่คือการสู้กับวงจรอุบาทว์ทางการเมือง ระบบเผด็จการรัฐสภา” นพ.ระวี กล่าว.