6ผู้นำพรรคชี้อนาคตประเทศหนุนก้าวข้ามวิกฤตซ้อนวิกฤต-แนะปฏิรูปรัฐราชการ

เนชั่น กรุ๊ป จัดงานดินเนอร์ทอล์ค ในหัวข้อ THAILAND FUTURE วานนี้ (28 มิ.ย.) โดยเชิญผู้นำพรรคการเมือง 6 พรรค ร่วมแสดงวิสัยทัศน์อนาคตของประเทศไทย ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ประกอบด้วย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประธานยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา

นายกรณ์ จาติวณิช หัวหน้าพรรคกล้า นายอุตตม สาวนายน ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย และนางศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล

นายวราวุธ กล่าวว่า ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยผ่านวิกฤติิโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชน รวมถึงวิกฤติิสงครามรัสเซีย-ยูเครน ดังนั้นเราต้องมาสร้างจุดแข็งให้ประเทศไทย ซึ่งประเทศมีความอุดมสมบูรณ์ถึง 10% ของประเทศ ซึ่งทำให้ประเทศไทยพร้อมที่จะเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของโลกได้ แต่เราต้องหาสิ่งใหม่มาสร้างจุดแข็งให้ประเทศไทย โดยการนำเทคโนโลยีการเกษตร มาบวกกับปราชญ์ชาวบ้าน

ตอนนี้ประเทศไทยได้ประสานองค์ความรู้กับประเทศเยอรมัน เราต้องใช้น้ำให้น้อยลง ไม่จำเป็นต้องมีน้ำถึง 4 เดือน แต่เราได้ปริมาณข้าวมากกว่าเดิม นี่คือการนำองค์ความรู้มารวมกับเทคโนโลยี ทำให้เราได้ผลผลิตมากขึ้น หมดสมัยแล้วที่ประเทศไทยจะบอกว่าจะส่งออกอะไรได้มากที่สุด แต่เราต้องส่งออกของแพงให้ได้มากที่สุด เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของเราด้วย

นายวราวุธ กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนาเรามีแนวคิดเกษตรสีเขียว เรามีแนวคิดทำคาร์บอนเครดิต ซึ่งจากเดิมที่เราพึ่งพาน้ำมัน ซึ่งเป็นแบล๊คโกลด์ มาทำกรีนโกลด์ และนำเทคโนโลยีบล็อกเซนที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม เพื่อจะทำกรีนคอยส์ นี่คือแนวคิดที่จะทำให้ประเทศไทยเข้มแข็งขึ้น

 

“ก้าวไกล”แนะเร่งปฏิรูปภาครัฐ

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ประเทศไทยต้องรัฐมีศักยภาพมากขึ้น ยกตัวอย่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งงบประมาณ 40% ถูกนำไปใช้กับบุคลากร ทำให้เหลืองบประมาณพัฒนาประเทศไม่ถึง 1 ใน 3 ของงบประมาณของประเทศ เราต้องดำเนินนโยบายเกี่ยวกับการปฏิรูปภาครัฐ เนื่องจากเศรษฐกิจทุนนิยมแบบพวกพ้องกระจุกตัวอยู่กับคนบางกลุ่ม

“หากเราไม่ปฏิรูปภาครัฐ ไม่มีทางเศรษฐกิจของไทยจะเดินหน้าได้ นโยบายต้องกระจายอำนาจผ่านท้องถิ่น เพื่อระเบิดพลังทางเศรษฐกิจ เพื่อทำให้ประชาชนรากหญ้าสามารถลืมตาอ้าปากได้ เราต้องรัฐที่ปรับตัวยืนหยุ่นได้ ไม่ใช่รัฐที่แข็งอยู่แบบนี้ หลายครั้งที่เอกชนติดกับดักภาครัฐ ไม่สามารถขยายทุนของตัวเองให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ เราไม่ต้องการรัฐราชการที่เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ดังนั้นเราต้องรื้อโครงสร้างภาครัฐเสียก่อน เพื่อเป็นก้าวแรกที่จะเติมเต็มศักยภาพให้ประชาชนได้”

 

“กรณ์”แนะเปลี่ยนวิธีคิดบริหารชาติ

นายกรณ์ กล่าวว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจของเราอยู่ในขั้นวิกฤติิระดับประชาชน ซึ่งประชาชนมีปัญหาเรื่องทำมาหากิน รายได้น้อย ของแพงขึ้น วิกฤติเที่ยวนี้ทำให้ชนชั้นกลางเดือดร้อนอย่างสาหัส โดยวันนี้ชนชั้นกลางไม่ใช่คนที่มีฐานะมั่นคง อีกทั้งนักศึกษาที่เพิ่งเรียนจบหางานทำยาก ส่วนเกษตรกรโอกาสเข้าถึงตลาดไม่ได้มีการพัฒนา ด้านผู้ประกอบการขนาดเล็กมีหนี้สินเพิ่มขึ้น

“ผมอยากสะท้อนว่ามาตรการด้านนโยบายที่อิงกับความคิดในอดีตใช้ไม่ได้แล้ว ปริมาณแรงงาน ทุน ที่ดิน ทักษะ ไม่เพียงพอแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้ในวันนี้คือนวัตกรรม อนาคตของประเทศไทยต้องพึ่งพานวัตกรรม ต้องทำธุรกิจเชิงนวัตกรรม เราต้องสร้างนวัตกรรมด้วยการศึกษาที่ดีขึ้น มีบุคลากรที่ฝึกฝนมาอย่างดี ซึ่งจะเกิดขึ้นไม่ได้หากระบบราชการแบบปัจจุบันยังอยู่ เราต้องนำระบบราชการเข้าสู่ดิจิทัล ขอให้ระบบราชการอยู่ในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งจะทำให้ลดต้นทุน และมีความโปร่งใสที่ตรวจสอบได้”

นายกรณ์ กล่าวว่า เราสามารถทำสิ่งที่ตนพูดได้ และหากเราทำได้จะเป็นโอกาสของประเทศ ซึ่งต้องสร้างความเปลี่ยนระบบราชการ ปลดล็อกให้ระบบเศรษฐกิจ หากเราทำได้ประเทศเราก้าวหน้าอย่างแน่นอน ถ้ากล้าที่จะเปลี่ยนแนวคิด อนาคตของประเทศไทยดีแน่นอน

ปชป.ชง5ข้อสร้างรายได้

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ประเด็นทางการเมืองมี 3 เรื่องที่พรรคการเมืองต้องทำ 1.พรรคการเมืองต้องนำพาประเทศไปสู่ประชาธิปไตย หากไม่ทำจะพบกับแรงเสียดทาน คำว่าประชาธิปไตยจะต้องเป็นประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข 

2.พรรคการเมืองต้องไม่แบ่งสี แบ่งฝ่าย ต้องทำเพื่อทุกคน ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง หรือครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง 3.พรรคการเมืองต้องทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เมื่อไร่ที่พรรคการเมืองบริหารประเทคแล้วโกง จะเป็นเงื่อนไขนำไปสู่รัฐประหาร

สำหรับประเด็นทางเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์ มี 5 ประเด็น 1.จะเน้นการสร้างเงิน และกระจายเม็ดเงินลงสู่ระบบ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ 2.ต้องทันโลก ทันสมัย เราเป็นพรรคการเมืองที่มีทีมทันสมัย 

3.สร้างคนและพัฒนาคน ทั้งสร้างในระบบ นอกระบบ การดูแลตั้งแต่เกิดจนตาย 4. 3 ปี ปชป.ช่วยเหลือเกษตรกรแล้ว 3 ล้านครัวเรือน ทำเงินเข้าประเทศ 8.5 ล้านล้านบาท และในปีนี้จะทำเงิน 

5.ประกันรายได้ต้องเดินหน้าต่อ ใส่นวัตกรรมเข้าสู่การเกษตร ให้ก้าวหน้าต่อไป รวมถึงการท่องเที่ยวที่ต้องมีคุณภาพ การส่งออกต้องนำเศรษฐกิจแบบใหม่มาใช้

“ทางออกของประเทศต้องเดินหน้าสู่ประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่สักแต่เป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่ประชาธิปไตยไส้แห้ง แต่ต้องเป็นประชาธิปไตยกินได้ หรือท้องอิ่ม ซึ่งจะเป็นทางออกของประเทศ”

ห่วงไทยเผชิญ4วิกฤติิซ้อน

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยเราเผชิญ 4 วิกฤติ 1.วิกฤติิการเมือง 2.วิกฤติเศรษฐกิจ 3.วิกฤติิโรคระบาด 4.วิกฤติิเทคโนโลยี เราจะออกจากวิกฤติทั้งหมดได้ ต้องออกจากวิกฤติทางการเมืองก่อน เราติดกับดักความขัดแย้งมาตั้งแต่ปี 2548 มีการสร้างวาทะกรรมที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง สิ่งที่กดทับคือปัญหารัฐราชการ ที่การบริหารงานล้มเหลว เกิดความเหลื่อมล้ำอย่างสูง

“30 ปีทางการเมือง ไม่เคยเห็นประเทศตกต่ำเท่าวันนี้ ซึ่งหนี้สินของประเทศสูงมาก โดยเกิดจากแนวคิดอำนาจนิยม ซึ่งต้องแก้ไข เราใช้เงินมากขึ้น มีโครงการประชานิยมแจกเงินแบบไม่มีประสิทธิภาพ ใช้งบประมาณ ใช้อำนาจรัฐ ในการซื้อเสียงล่วงหน้า”

ทั้งนี้ รัฐราชการออกแต่กฎระเบียบมากมาย คนประกอบอาชีพมีกฎเกณฑ์มากมายเป็นอุปสรรค จึงต้องปรับเปลี่ยนเป็นรัฐประชาชน ลดการออกกฎเกณฑ์ ซึ่งมีแต่เจ้าสัวขนาดใหญ่เท่านั้นที่มีแต่ได้ นอกจากนี้เราต้องแก้กติกา คือ รัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไม่มีบริษัทไหนในตอนนี้ที่จะวางแผน 1 ปีได้

“ดังนั้นเราต้องปลดล็อกประชาชนออกจากสิ่งที่กดทับ เราจะต้องออก พ.ร.ก. 1 ฉบับ โดยพักการใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการใบอนุญาต ซึ่งมีกฎหมายดังกล่าวกว่า 1,500 ฉบับ โดยให้เหลือเพียง 200-300 ฉบับที่จำเป็นเท่านั้น เพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบกิจการของประชาชน เราต้องสร้างประเทศไทย”

“อุตตม”หนุนฟื้นเศรษฐกิจฐานราก

นายอุตตม กล่าวว่า รากเหง้าของปัญหาอยู่ที่โครงสร้างของประเทศที่ไม่ทันโลก ไม่สามารถแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ และมีโครงสร้างรัฐราชการ ที่ไม่สามารถสนองตอบประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และโครงสร้างทางการเมืองที่ประชาชนตั้งคำถามว่า หากไม่มีการปฏิรูปจะเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา

“วันนี้ประชาชนไร้ความหวัง กังวลต่ออนาคต จึงถึงเวลาแล้วที่เราต้องผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วน เพื่อวางรากฐานให้คนรุ่นต่อไป ถึงเวลาที่ต้องให้คนมืออาชีพจากหลายภาคส่วนมาร่วมทำงานให้ประเทศ และต้องฟังความต้องการของคนรุ่นใหม่ ดังนั้นเราต้องเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่นำความคิดที่ทันสมัย มาบวกกับประสบการณ์ของคนรุ่นพี่ ผลักดันเปลี่ยนแปลงการบริหารของคนเฉพาะกลุ่ม มาร่วมคิดร่วมสร้าง ให้คนรุ่นใหม่ทำงานกับคนทุกรุ่น”

นายอุตตม กล่าวต่อว่า ตนอยากจะเชิญชวนมาร่วมกันสร้างอนาคตประเทศไทย ที่สามารถพัฒนาได้อย่างเต็มศักยภาพ มีขีดความสามารถสร้างการแข่งขันให้ทันกับโลก เราต้องร่วมกันนำประเทศฝ่าวิกฤติครั้งนี้ให้ได้ สร้างความเข้มแข็งให้ระบบใหม่ และต้องได้รับความยุติธรรมในทุกมิติของการดำเนินชีวิต

“ผมขอเสนอ 5 สร้างของพรรคสร้างอนาคตไทย 1.สร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง 2.พัฒนาภาคอุตสาหกรรม ประเทศไทยต้องเข้าสู่ดิจิทัล ยกเครื่องอุตสาหกรรม 3.สร้างสังคมที่เป็นธรรมและเกื้อกูล 4.สร้างคนและวิทยาการ 5.สร้างการเมืองที่สร้างสรรค์ ไม่สร้างความร้าวฉาน”