วิบากกรรม "องครักษ์พิทักษ์ประยุทธ์" เช็กบิลระนาว นักรบ คนรับใช้นาย
ถึงนาทีนี้หลายคนที่รายล้อม "ประยุทธ์" ที่อยากอาสาเป็น "องครักษ์พิทักษ์นาย" คงต้องคิดหนัก และต้องมั่นใจจริงๆ ว่าตัวเองไม่มีแผลให้คู่ต่อสู้หยิบฉวยมาเล่นงาน ไม่เช่นนั้น ชะตากรรมก็คงไม่ต่างกับ "สิระ-ปารีณา" ที่แทบไม่มีผู้ใหญ่เหลียวแล
เส้นทางนักรบ หรือ องครักษ์พิทักษ์ประยุทธ์ มีอันต้องจบเห่กันแทบทุกราย แทนที่จะได้เลื่อนชั้นยศ ปูนบำเหน็จ จากการเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน คอยปกป้องนายจากศัตรูที่จะเข้ามาขย้ำสถานการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น
เมื่อถึงคราวตกทุกข์ได้ยาก นายที่ว่าใหญ่แค่ไหน พระห้อยคอที่ว่าศักดิ์สิทธิ์เพียงใด ก็ไม่เห็นจะช่วยให้พ้นวิบากกรรมไปได้เลย
ล่าสุด กรณีของ เอ๋ ปารีณา ไกรคุปต์ ที่ถูกศาลฎีกาพิพากษาให้พ้นตำแหน่ง ส.ส. รวมถึงถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี ฐานผิดจริยธรรมรุกป่า ที่ จ.ราชบุรี
ประเด็นรุกที่ป่า กลายเป็นหอกที่ย้อนศรกลับมาเล่นงาน "ปารีณา" เมื่อเธอพยายามตรวจสอบที่ดินของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่อาจครอบครองที่ดินโดยมิชอบ ก่อนที่ "ปารีณา" จะโดนนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เมื่อครั้งเป็นคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักษาชาติ ยื่น "ป.ป.ช." ตรวจสอบ การครอบครองที่ดิน 1,700 ไร่ ที่เป็นฟาร์มเลี้ยงไก่ว่ารุกป่าสงวนเช่นเดียวกัน
จนกลายมาเป็นบทสรุปเมื่อศาลฎีกา มีคำพิพากษา ส่งผลให้ชีวิตทางการเมืองของ "ปารีณา" ส.ส. 4 สมัย แห่งเมืองโพธาราม ราชบุรี ในวัยย่าง 46 ปี ที่เคยฝากวีรกรรมแสบๆ คันๆ สร้างสีสันให้กับสภาและการเมืองไทยอย่างมากถึงคราวต้องปิดฉากลง
โดยก่อนหน้านี้ องครักษ์พิทักษ์ลุงตู่ ก็มีเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. มาแล้วคือ "สิระ เจนจาคะ" หลัง ถูกร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เหตุขาดคุณสมบัติความเป็น ส.ส. เนื่องจากเคยต้องคำพิพากษาจำคุกในคดีที่เกี่ยวกับทรัพย์ เมื่อปี38 ทั้งยังถูกสภาเรียกเงินคืนกว่า 8 ล้านบาท
ส่งผลให้ ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ของฝ่ายค้าน ที่แม้จะเขยิบไทม์ไลน์ ออกไปในช่วงเดือนส.ค.นี้ก็ตาม แต่ถึงอย่างไร เป้าใหญ่ก็หนีไม่พ้น "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี ที่จะถูกซักฟอกอย่างดุเดือดเลือดพล่าน โดยไร้เงา2องครักษ์ อย่าง "สิระ-ปารีณา" คอยเบรก และตีรวน "ฝ่ายค้าน"
จึงต้องติดตามว่า ส.ส.พลังประชารัฐ คนไหน จะกระโดดเข้ามาสวมบทบาทที่สองคนนั้นเคยทำไว้ ซึ่งดูแล้วคงไม่มีใครกล้าห้าวหาญปะฉะดะ บู๊ไม่เลือกหน้าเช่นนั้น
ขณะที่องครักษ์นอกสภาคนสำคัญ ที่คอยพิทักษ์ประยุทธ์ มาอย่างเสมอต้นเสมอปลายอย่างแรมโบ้อีสาน เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ที่คอยตอบโต้ประเด็นการเมือง ปกป้องนายกฯ แทบจะเช้าเย็น
แรมโบ้ฯ ที่ตอนนี้สวมหมวกรองประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนด และประธานอนุกรรมการฯ และหัวหน้าชุดเฉพาะกิจ หรือทีมปราบสลากแพงนั้น กำลังมีประเด็นเรื่องคลิปเสียงพูดคุยกับ จุรีพร สินธุไพร ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ถูกมือดีเผยแพร่ ว่ามีการพูดคุยกันถึงประเด็นโควตาสลาก และเงิน 15 ล้านบาท
เรื่องนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เด้งรับลูกพร้อมตรวจสอบ เรื่องเงินจำนวนหลายล้านนั้น นำไปใช้ในการเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งเข้าข่ายทำความผิดกฎหมายเลือกตั้ง การละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และผิดจริยธรรมของข้าราชการการเมือง
เรื่องนี้ร้อนไปถึง "พล.อ.ประยุทธ์" ที่ถูกตั้งข้อสังเกตตามที่ พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ ให้สัมภาษณ์ ว่าเข้าข่ายให้การสนับสนุน "เสกสกล" อยู่ด้วยหรือไม่เช่นกัน
เรียกว่างานใหญ่เรื่องการปราบปรามการขายสลากเกินราคาของรัฐบาล ที่หากทำสำเร็จจะเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง ก็มีอันต้องสะดุดด้วยคนชื่อเสกสกล ที่ถูกตั้งข้อสงสัยถึงพฤติกรรมมากมาย
ถ้าจำได้ก่อนหน้านี้ไม่นาน เสกสกล ถือเป็นตัวตั้งตัวตี ในการขับเคลื่อน "พรรครวมไทยสร้างชาติ" พยายามจั่วหัวให้ตื่นเต้นเร้าใจ ว่ามีบิ๊กเซอร์ไพรส์ บิ๊กเนมชื่อย่อตัวนั้นตัวนี้ จะมาเปิดตัวร่วมงานกับพรรค
ทำเอาบุคคลที่มีชื่อถูกพาดพิงต้องเก็บตัวเงียบ ปรับแผนกันเสียยกใหญ่ เพราะยังไม่พร้อม ไม่ถึงเวลาที่จะเปิดตัว เป็นเพราะแรมโบ้ฯ เล่นใหญ่ จนหลายคนไม่อยากเป็นที่โฟกัส จึงจะเห็นว่าในวันประชุมใหญ่พรรครวมไทยสร้างชาติ บรรยากาศกร่อย ไม่เหมือนที่คุยไว้แม้แต่น้อย
ดังนั้น จึงไม่แน่ใจว่า "พล.อ.ประยุทธ์" เลือกใช้คนถูกกับงานหรือไม่ แทนที่จะเป็นที่เชิดหน้าชูตาสุดท้ายอาจเต็มไปด้วยข้อกังขา โดยเฉพาะเรื่องแก้สลากแพง ที่ถูกมองว่าตั้งธงเล่นงาน หรือตีเมืองขึ้นใครหรือไม่ และไม่รู้ว่าคนที่คอยเปิดศึกในวงการจะโดนเอาคืนเมื่อไหร่
ถึงนาทีนี้หลายคนที่รายล้อมพล.อ.ประยุทธ์ ที่อยากอาสาเป็นองครักษ์พิทักษ์นาย คงต้องคิดหนัก และต้องมั่นใจจริงๆ ว่าตัวเองไม่มีแผลให้คู่ต่อสู้หยิบฉวยมาเล่นงาน ไม่เช่นนั้น ชะตากรรมก็คงไม่ต่างกับ "สิระ-ปารีณา" ที่แทบไม่มีผู้ใหญ่เหลียวแล
หรือแม้แต่ "เสกสกล" ที่อนาคตก็ไม่มีใครการันตีได้ว่าจะอยู่รอดปลอดภัยบนเส้นทางการเมืองหรือไม่