"ศรีสุวรรณ" จี้ "อนุพงษ์" เก็บภาษีป้าย "ประวิตร" จ่อยื่น ป.ป.ช.สอบจริยธรรม
ศรีสุวรรณ ขู่เอาผิด "อนุพงษ์" ไม่สั่งท้องถิ่น เก็บภาษีป้ายปีใหม่ "ประวิตร" ชี้ก่อนขึ้นป้ายต้องเสียภาษีท้องถิ่น สอน "ประวิตร" เป็นคนในตำแหน่งใหญ่ต้องมีจริยธรรม จ่อยื่น "ป.ป.ช." สอบจริยธรรม
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค ระบุว่า สมาคมฯ ทำหนังสือร้องเรียนไปยังอธิบดีกรมทางหลวงขอให้สั่งการไปยังผู้อำนวยการแขวงทางหลวงทั่วประเทศ เพื่อให้ตรวจสอบกรณีการติดตั้งป้ายอวยพรปีใหม่ 2565 ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่าได้ติดตั้งโดยได้รับอนุญาตหรือไม่ หลังจากที่พบการรื้อถอนป้ายของพล.อ.ประวิตร ที่แขวงทางหลวงสระบุรี โดยเจ้าหน้าที่หมวดทางหลวงหนองแค แขวงทางหลวงสระบุรี สำนักงานทางหลวงที่ 11 (ลพบุรี) ระบุว่าไม่อนุญาต
"ป้ายลักษณะดังกล่าว มิได้มีแต่เฉพาะในพื้นที่จังหวัดสระบุรีเท่านั้น หากแต่มีการติดกันในหลายพื้นที่ถนนสายหลัก ทั้งป้ายขนาดเล็กติดเสาไฟฟ้าและป้ายคัตเอ้าท์ขนาดใหญ่ ในบริเวณป้ายโฆษณาของเอกชน ซึ่งตาม พรบ.ทางหลวง 2535 และแก้ไขเพิ่มเติม 2549 จะต้องมีการขออนุญาตการติดตั้งจากผู้อำนวยการทางหลวงเสียก่อน แต่เมื่อไม่ได้มีการขออนุญาต ก็ย่อมเข้าข่ายความผิดตาม ม.38 วรรคสาม แห่งกฎหมายข้างต้น ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 5 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" นายศรีสุวรรณ ระบุ
นายศรีสุวรรณ ระบุด้วยว่า สมาคมทำหนังสือถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เพื่อสั่งการไปยังราชการส่วนท้องถิ่น ที่มีป้ายของพล.อ.ประวิตร ติดตั้งอยู่ให้ดำเนินการเรียกเก็บภาษีป้าย เพราะป้ายที่ติดตั้งในพื้นที่รัฐและเอกชน โดยเฉพาะป้ายคัตเอ้าท์ขนาดใหญ่ จะต้องมีการขออนุญาตจากราชการส่วนท้องถิ่นพร้อมกับต้องเสียภาษีป้ายตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง หากฝ่าฝืนมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 - 50,000 บาท ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีป้าย พ.ศ.2510 มาตรา 35
"เป็นหน้าที่ของ รมว.มหาดไทย ที่จะต้องสั่งการไปยังราชการส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ให้ดำเนินการเรียกเก็บภาษีป้ายด้วย หากไม่ดำเนินการอาจเข้าข่ายความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157" นายศรีสุวรรณ ระบุ
ทั้งนี้นายศรีสุวรรณ ระบุทิ้งท้ายว่า พล.อ.ประวิตร เป็นถึงรองนายกรัฐมนตรีและ หัวหน้าพรรคการเมือง พรรคร่วมรัฐบาล การกระทำดังกล่าวโดยไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคมนั้น อาจเข้าข่ายความผิดเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะนำความไปร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไป.