"พิธา" แจง กกต.ปัด "ก้าวไกล" ปฏิปักษ์การปกครอง ปมอภิปรายงบสถาบันฯ

เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2565 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ร่วมเข้าให้ถ้อยคำต่อ กกต. กรณีคำร้องกล่าวหา ส.ส.พรรคก้าวไกล อภิปรายงบประมาณสถาบันพระมหากษัตริย์ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯปี 2565 ว่าเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.พรรคการเมืองฯ พ.ศ.2560 มาตรา 92(2) เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง และนำไปสู่การยุบพรรคหรือไม่

นายพิธา กล่าวว่า ยังคงยืนยันว่าเป็นการทำหน้าที่ของ ส.ส. ที่สอดคล้องกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง หลังจากนี้จะติดตามการสรุปไต่สวนของ กกต. ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร และไม่กังวลต่อการถูกกล่าวหาในครั้งนี้ เนื่องจากเป็นการทำหน้าที่อภิปรายหน่วยงานรัฐงบประมาณ เป็นการตรวจสอบการใช้งบประมาณเพื่อความโปร่งใส และประสิทธิภาพในการใช้งบประมาณ อีกทั้งยังเป็นการดำรงพระราชสถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เข้ามาชี้แจงการใช้งบประมาณไม่ต่างกับหน่วยงานอื่น ๆ

นายพิธา กล่าวอีกว่า การอภิปรายของ ส.ส. มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง และการใช้แชร์ข้อมูลผ่านโซเชียลมีเดียของพรรคไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่เพียงเห็นว่าการกล่าวหาเป็นการปิดกั้นการทำหน้าที่ 

นายพิธา กล่าวว่า นอกจากนี้พรรคก้าวไกลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาพาดพิงตามคลิปเสียงของอดีต "รองหัวหน้าพรรค" ตามข่าว โดยคดีอาชญากรรมคุมคามทางเพศเป็นคดีร้ายแรง ไม่ควรนำมาเป็นเกมการเมือง เชื่อว่าไม่เกี่ยวข้องเพื่อนำมาดิสเครดิตทางการเมือง ขณะเดียวกันไม่ได้พิจารณาที่จะฟ้องกลับ ถือเป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก เช่นเดียวกันกับสิทธิของพรรคที่จะปฏิเสธข้อกล่าวหา

หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวด้วยว่า คดีความรุนแรงเป็นคดีใหญ่ที่มีผู้เสียหายหลายคน สังคมควรให้ความสำคัญดูแลและกระบวนการยุติธรรมต้องไม่ซ้ำเติมผู้เสียหาย เป็นเรื่องปกติที่นักการเมืองจะต้องเข้าใจเรื่องข้อกล่าวหาทางการเมืองจากฝ่ายตรงข้าม เพียงต้องชี้แจงกับประชาชนให้รวดเร็ว