Hormone Therapy ฮอร์โมนบำบัด

Hormone Therapy ฮอร์โมนบำบัด

คนสมัยใหม่ในปัจจุบันนี้ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายมองว่าอายุเป็นแต่เพียงแค่ตัวเลข เพราะในปัจจุบันได้มีวิวัฒนาการทางการแพทย์มากมายที่สามารถต่อต้า

 

ฮอร์โมนเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ร่างกายเราร่วงโรยที่เรียกว่าความแก่หรือความชรานั่นเองซึ่งฮอร์โมนในร่างกายนั้นมีอยู่หลายตัวโกรทฮอร์โมน(Growth Hormone )  ซึ่งถูกยกย่องว่าเป็นฮอร์โมนสำคัญแห่งความเป็นหนุ่มเป็นสาวโกรทฮอร์โมนเป็นฮอร์โมนที่สำคัญที่ร่างกายผลิตขึ้นได้เองทำหน้าที่กระตุ้นให้เกิดการสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อส่วนต่างๆของร่างกายเพื่อให้ร่างกายเจริญเติบโต  พูดง่ายๆคือเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมทุกระบบของร่างกายเห็นความสำคัญของโกรทฮอร์โมนกันแล้วแต่เป็นที่น่าเศร้าคือหลังจากคนเรามีอายุ25 ปีแล้วฮอร์โมนนี้จะลดลง15% ทุกๆ10 ปีจนเมื่ออายุ60 ปีโกรทฮอร์โมนจะลดลงเหลือต่ำกว่า10% ของวัยหนุ่มสาวแล้วเกิดอะไรขึ้นทราบไหมผลร้ายที่ตามมาจากการลดลงของฮอร์โมนตัวนี้คือทำให้เรารู้สึกเหนื่อยล้าๆ  อ่อนเปลี้ยเพลียแรงนอนหลับไม่สนิท  ระบบเผาผลาญของร่างกายทำงานช้าลงส่งผลให้อ้วนง่ายความจำแย่ลงเซ็กส์เสื่อมลงและอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวานโรคความดันโลหิตสูงโรคหัวใจและอื่นๆอีกมากมาย  แถมยังทำให้ริ้วรอยแห่งความชราบนใบหน้านั้นมาเยือนเร็วและชัดเจนขึ้น

ความอ้วนที่อาจเกิดจากความผิดปรกติของฮอร์โมนซึ่งหลายๆคนที่ประสบกับปัญหาความอ้วนคงเคยตั้งคำถามนี้กับตัวเองและหมดกำลังใจกับการลดน้ำหนักเพราะไม่ว่าจะอดอาหารอย่างไรหรือออกกำลังกายวันละหลายชั่วโมงสัปดาห์ละหลายวันก็ยังไม่สามารถเอาไขมันที่สะสมพอกพูนออกไปได้ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นทางการแพทย์บอกว่านั่นอาจเป็นความอ้วนที่เกิดจากความผิดปรกติของฮอร์โมนซึ่งมีสาเหตุมาจากกลไกการทำงานภายในร่างกายคนเราถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คงคล้ายกับโรงงานเราต้องการพลังงานก็คือการรับประทานอาหาร  มีการใช้พลังงานมีการเผาผลาญอาหารเป็นพลังงานและใช้หมดไปเครื่องจักรต้องมีการควบคุมให้ทำงานได้ตามปกติซึ่งก็เปรียบเสมือนกับฮอร์โมนที่คอยควบคุมการทำงานของกลไกต่างๆของร่างกายให้ทำงานได้เป็นปกติ 

ร่างกายที่ทำงานปกติก็จะมีการใช้พลังงานเผาผลาญอาหารเป็นพลังงานตลอดเวลาก็จะไม่เกิดการสะสมของไขมันก็คือไม่อ้วนแล้วเกิดอะไรกับคนอ้วนทำไมร่างกายไม่นำพลังงานไปใช้สาเหตุที่คนที่อ้วนหรืออ้วนแบบลงพุงเกิดจากร่างกายไม่ยอมเผาผลาญหรือเรียกอีกอย่างว่าmetabolic syndromeซึ่งจำเป็นต้องตรวจเช็คดูว่าเป็นเพราะอะไรซึ่งส่วนใหญ่เราพบสาเหตุที่สำคัญว่าเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนซึ่งมีสาเหตุเริ่มต้นมาจากการสะสมของท๊อกซินในเซลล์ไขมัน ( fat cell )  พอสะสมนานๆอินซูลินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สร้างจากตับอ่อน ทำหน้าที่นำน้ำตาลจากเลือดเข้าไปในเซลล์ของร่างกายเพื่อใช้เป็นพลังงานเริ่มทำงานได้ไม่ดี ไม่สามารถนำเอาน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานได้ตามปกติ น้ำตาลก็เก็บเป็นไขมันร่างกายก็ต้องใช้อินซูลินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในการนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงาน  จนเกิดภาวะที่อินซูลินดื้อไม่ทำงานพอถึงตรงนั้นก็ไม่เผาผลาญน้ำตาลแล้ว  เก็บเป็นไขมันอย่างเดียวแล้วถ้าร่างกายขาดพลังงาน  มันก็จะดึงเอากล้ามเนื้อไปใช้แทนเพราะมันดึงไขมันออกมาไม่ได้

จึงเป็นที่มาของความเหี่ยวผิวหย่อนคล้อยจะเห็นได้ว่าขบวนการนำพลังงานไปใช้ในร่างกายมีความสำคัญมากมีผลต่อสุขภาพและความเป็นหนุ่มเป็นสาวถ้าระบบเผาผลาญเราดีขบวนการใช้พลังงานในร่างกายเราก็จะดีถ้าร่างกายเราเริ่มเสื่อมเริ่มเฉื่อยก็จะไม่ใช้พลังงานแต่เก็บเป็นไขมันอย่างเดียวจะพบว่าในคนส่วนใหญ่เมื่ออายุยังน้อยจะไม่มีปัญหาเรื่องอ้วนลงพุง  แต่พออายุเริ่มใกล้50 รอบเอวเริ่มหาย  เริ่มมีห่วงยางรอบเอวทำยังไงก็ไม่หายทั้งนี้เพราะเซลล์ในร่างกายเริ่มเสื่อมฮอร์โมนเริ่มไม่ทำงานเหมือนเมื่อตอนอายุยังน้อย  กลไกการทำงานต่างๆของร่างกายจึงเริ่มผิดปกติเสียสมดุลและเป็นต้นเหตุของโรคต่างๆตามมาไม่เพียงเฉพาะโรคอ้วนเท่านั้น  จึงเป็นที่มาว่าถ้ามีอาการอ้วนที่รอบเอวจะมีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานและโรคหัวใจมากกว่าอ้วนในส่วนอื่นๆทั้งนี้ก็เพราะเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนที่นำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานนั่นเองดังนั้นจึงไม่ควรมองข้ามปัญหาเรื่องอ้วนว่าเป็นเพียงเรื่องความสวยความงามเท่านั้นเพราะที่จริงมันคือสัญญาณเตือนโรคร้ายให้กับเราที่ต้องหันมาเอาใจใส่และดูแลตัวเองอย่างจริงจัง

แบบนี้แล้วจะทำอย่างไรที่จะหาทางเพิ่มโกรทฮอร์โมนให้กับร่างกายคำตอบก็คือเราสามารถกระตุ้นต่อมใต้สมองให้สร้างและหลั่งโกรทฮอร์โมนตามธรรมชาติออกมาได้ด้วยหลายวิธี   การออกกำลังกาย การพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงความเครียดแต่ปัจจุบันทางการแพทย์มีวิธีการเพิ่มGrowth Hormone ในผู้สูงอายุให้กลับดูเป็นหนุ่มสาวขึ้นกระชุ่มกระชวยมีชีวิตชีวาและผิวพรรณเต่งตึงขึ้นได้ด้วยวิธีการฉีดโกรทฮอร์โมนเข้ากล้ามเนื้อใต้ชั้นผิวหนัง  แต่มีข้อเสียคือหากร่างกายได้รับโกรทฮอร์โมนมากเกินไปจะทำให้ระบบการทำงานของฮอร์โมนอื่นๆในร่างกายรวนได้   ที่สำคัญคือโกรทฮอร์โมนที่ทางการแพทย์ใช้ฉีดนั้นจัดเป็นยาชนิดหนึ่งจึงต้องมีการดูแลและควบคุมการใช้โดยแพทย์เท่านั้น  ส่วนโกรทฮอร์โมนในรูปแบบอื่นๆไม่ว่าจะเป็นชนิดรับประทานหรือสเปรย์อมใต้ลิ้นพ่นทางจมูก หรืออาจเป็นน้ำหยอดใต้ลิ้น หรือเป็นแผ่นปิดบนลิ้นหรือรูปแบบอื่นๆ  ส่วนใหญ่แล้วจะขึ้นทะเบียนในรูปของอาหารเสริม   จะได้ผลมากน้อยแค่ไหนย่อมแตกต่างกับโกรทฮอร์โมนที่แพทย์ใช้แน่นอน ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย www.dermaster-thailand.com Tel: 027144471