20 ที่เที่ยวฮอกไกโดหน้าหนาวที่ต้องห้ามพลาด

20 ที่เที่ยวฮอกไกโดหน้าหนาวที่ต้องห้ามพลาด

ฤดูหนาว ทั้งสวยงาม สนุกสนาน โรแมนติก พร้อมเที่ยวงานเทศกาลน้ำแข็งในหลายเมือง งานประดับไฟสุดอลังการ รวมถึงงาน Sapporo Snow Festival

 

 

ฮอกไกโด เมืองที่มีสีสันโดยเฉพาะฤดูหนาว ทั้งสวยงาม สนุกสนาน โรแมนติก พร้อมเที่ยวงานเทศกาลน้ำแข็งในหลายเมือง งานประดับไฟสุดอลังการ รวมถึงงาน Sapporo Snow Festival ที่ทุกคนรอคอย และชมความน่ารักของลิงภูเขาที่พร้อมใจพาเหรดกันมาแช่ออนเซน

แน่นอนต้องมีกิจกรรมแอดเวนเจอร์สนุกๆ อย่าง ชมภัตตาคารโดมน้ำแข็ง เล่นสกีหิมะที่สกีรีสอร์ท ขี่สโนว์โมบิลล์ และ Dog Sledge กับบรรดาฝูงสุนัขลากเลื่อน พร้อมที่พักแบบเรียวกังและนอนแช่ออนเซ็น ท่ามกลางบรรยากาศของหิมะขาวโพลน อาหารและขนมหวานอร่อยมาก

นั่นทำให้หนังดังของไทยอย่างแฟนเดย์ หรือแฟนกันแค่วันเดียว โดยนักแสดงนำอย่างเต๋อและมิว มาถ่ายทำที่ฮอกไกโด ทำให้คนไทยตามรอยมาเที่ยวมากมาย

 เรามาชม 20 ที่เที่ยวของฮอกไกโดที่ไม่ควรพลาดในช่วงหน้าหนาว

1. North Snow Land ( เมือง Chitose) ทำกิจกรรมฤดูหนาวแบบหลากหลายได้ในที่เดียวที่นี่เลย พื้นที่อันกว้างใหญ่ของสนามกอล์ฟจะถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นลานกิจกรรมในช่วงฤดูหนาว เพียง 35 นาทีจากซัปโปโร

สวนสนุกหิมะ North Snowland เป็นงานที่จัดขึ้นเฉพาะในฤดูหนาวต่อเนื่องกันมาหลายปีแล้ว ปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2559 – 5 มีนาคม 2560

กิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจมีทั้ง

  1. ห่วงยางสไลด์ เป็นลานสไลด์ขนาดใหญ่ เพียงแค่จ่ายค่าเข้าก็สามารถเล่นได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
  2. เป็นกิจกรรมที่ให้นั่งบน Rafting Board แล้วลากด้วย Snowmobile โลดแล่นไปบนหิมะ เป็นกิจกรรมแนะนำที่สามารถจะเล่นสนุกไปด้วยกันกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูงได้
  3. โดยปกติ Snowmobile หรือรถเลื่อนบนหิมะขนาดใหญ่ จะไม่อนุญาตให้เด็กๆ ขับเพียงลำพัง แต่ถ้าเป็น Mini Snowmobile นี้แล้ว เด็กอายุ 6 ขวบขึ้นไปก็สามารถขับได้เพียงลำพังอย่างปลอดภัย รวมทั้งเราเองก็สนุก
  4. ขี่ม้าไปบนลานหิมะที่หนาวเย็น
  5. รูปปั้นต่างๆจากหิมะ

ที่นี่มีพนักงานให้ข้อมูลที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้คอยบริการตลอดเวลา และผู้ที่มีสัมภาระขนาดใหญ่สามารถฝากไว้ที่ Center House ก่อนไปทำกิจกรรมได้อีกด้วย

อีกหนึ่งกิจกรรมที่พลาดไม่ได้คือ Snow Cruising ชมทัศนียภาพที่งดงามของทุ่งหิมะอันกว้างใหญ่ ถ้าโชคดีอาจจะได้พบกับฝูงสุนัขจิ้งจอกและฝูงกวาง พร้อมถ่ายภาพเพื่อเป็นที่ระลึกกับรูปปั้นตุ๊กตาหิมะ

2 เดินช้อปปิ้งที่ห้างไดมารู เมืองซัปโปโร ซึ่งเป็นห้างที่ครบครันไปเสียทุกสิ่ง ตั้งแต่สินค้าแบรนด์เนมทั้งในและนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง accessories ร้านแบรนด์เนม​ เสื้อผ้าเด็ก เสื้อผ้าบุรุษสตรี รองเท้า เครื่องครัว เครื่องใช้ในบ้าน ของขวัญ โซนจัดงานอีเว้นท์ต่างๆ ร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านเครื่องเขียน ร้านหนังสือ สนุกกับการช้อปปิ้งค่ะ

มาในช่วงวาเลนไทน์ก็เลยมีช็อคโกแลตมากมายให้เลือกชิมช้อป

3 มาเที่ยวที่ลานแข่งขันสกีจั๊ม โอคุรายามา (okurayama ski Jump) สถานที่จัดการแข่งขันสกีจั๊ม (ski jump) เป็นการแข่งขันสกีที่ไม่เน้นความเร็วแต่เน้นว่า ใครจะกระโดดหรือเหาะได้ไกลกว่ากัน และเป็นสถานที่ในการจัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว ซึ่งจัดขึ้นที่ซัปโปโรในปี1972ด้วย

ด้านบนมีจุดชมวิวโอคุรายาม่า (Okurayama Observatory) สามารถขึ้นไปชมวิวได้โดยนั่งลิฟท์เก้าอี้ เพื่อชมทัศนียภาพของเมืองซัปโปโร

ฐานเนินเขาที่จะขึ้นไปยังจุดชมวิว เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์กีฬาฤดูหนาวซัปโปโร(Sapporo Winter Sports Museum) ซึ่งจัดแสดงเกี่ยวกับการแข่งขันโอลิมปิกกีฬาฤดูหนาวที่จัดขึ้นที่ซัปโปโรในปี 1972 เช่น แข่งกระโดดสกี บอบสเลดและไบแอธลอน ภายในพิพิธภัณฑ์มีเกมที่จำลองการเล่นกีฬาฤดูหนาวต่างๆ เช่น กระโดดสกี สเก็ต และฮอกกี้ สามารถเล่นได้โดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

บอบสเลด คือ กีฬาที่มีลักษณะคล้ายๆกับรถไฟราง กล่าวคือ นักกีฬานั้นมีหน้าที่เลี้ยงกระดานที่ตนเองนอนคว่ำหันหัวไปด้านหน้าไปตามรางที่มีลักษณะอุโมงค์เปิดด้านบนและมีพื้นเป็นน้ำแข็งให้เร็วที่สุด

ไบแอธลอน คือ กีฬาสกียิงเป้า ซึ่งนักกีฬามีหน้าที่ในการเล่นสกีไปบนพื้นราบในระยะที่กำหนด แล้วทำการยิงเป้าซึ่งจะเป็นจุดตั้งอยู่ ณ ด้านข้างของแนววิ่งสกี ซึ่งต้องทำให้ได้เร็วที่สุดทั้งการยิงเป้าและการวิ่งโดยใช้สกี

4 เหมาะกับสาววัยหวานอย่างเราทีเดียวเชียว (อุ๊บส์) อุทยานหรรษาชิโรอิโคอิบิโตะ (SHIROI KOIBITO PARK) เป็นดินแดนมหัศจรรย์ในอุดมคติของความอร่อย ความสนุกสนานและเรื่องราวของหวานตั้งแต่ครั้งอดีต โดยเฉพาะช็อคโกแลต

นอกเหนือจากตัวโรงงานชิโรอิโคอิบิโตะ อันเป็นสถานที่ผลิตลูกกวาดที่เลื่องชื่อของฮอกไกโดแล้ว อุทยานหรรษาแห่งนี้ยังมีร้านกาแฟให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนได้ลิ้มรสของหวานต้นตำรับของอิชิยะ สตูดิโอคุกกี้ แต่งหน้า (ที่ผู้ทำขนมมือใหม่สามารถทดลองทำคุกกี้ชิโรอิโคอิบิโตะของตนเองได้) ห้องแสดงของเล่นและสวนกุหลาบ สิ่งต่างๆ ที่ผู้มาเยือนมองเห็น ลิ้มรสและได้รับประสบการณ์ ที่นี่จะสร้างความทรงจำอัน “แสนหวาน” อย่างแท้จริง

อร่อยที่สุดกับคุ๊กกี้ langue de chat และไวท์ช็อกโกแลต คุ๊กกี้ langue de chat เป็นแผ่นคุ๊กกี้สีขาวที่ผ่านกระบวนการอบจนมีสีน้ำตาลไหม้ตามขอบของแผ่นคุ๊กกี้ ด้วยความละเอียดอ่อนในการควบคุมอุณหภูมิของเตาอบทำให้ได้แผ่นคุ๊กกี้ที่กรอบ อร่อย ไวท์ช็อกโกแลตจะถูกนำมาทาสอดไส้อยู่ตรงกลางระหว่างแผ่นคุ๊กกี้ที่ผ่านการอบมาอย่างสดใหม่ ช็อกโกแลตนี้เป็นสูตรเฉพาะที่คิดค้นมาเพื่อชิโรอิโคอิบิโตะเท่านั้น จนเกิดเป็นรสชาดที่ลงตัว กรอบ อร่อย เข้ากันได้ดีระหว่างคุ๊กกี้ langue de chat และช็อกโกแลตสูตรเฉพาะ

โดยชิโรอิโคอิบิโตะนี้ถือเป็นคุ๊กกี้ที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีมามากกว่า 40 ปีแล้ว ความลงตัวเข้ากันได้ดีในรสชาดของคุ๊กกี้ langue de chat และไวท์ช็อกโกแลต

ที่นี่สร้างบรรยากาศให้เหมือน Theme Park หรือสวนสนุก

ส่วนภายในโรงงานบรรยากาศน่าทำงานมาก ออกแบบซะคิกขุทีเดียว เป็นโรงงานที่สะอาดมาก

5. เดินเที่ยวเมือง Otaru (โอตารุ) เมืองน่ารักที่สมควรมาเยือนสักครั้งนะคะ หากมาญี่ปุ่น เพราะเป็นเมืองที่โรแมนติกม๊ากมาก แบบที่ว่าใครได้ไปโอตารุต้องหลงรักโอตารุ

ในอดีตเมืองโอตารุเป็นเมืองท่าที่สำคัญเทียบเท่ากับ เมือง Hakodate (ฮาโกดาเตะ) เป็นเมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซัปโปโร เป็นเมืองเล็กๆ ที่ใช้เวลาหนึ่งวันเดินเทียวเล่นชิลด์ ก็สามารถเที่ยวได้ทั่ว

เดินเล่นชมคลองสวยๆ หรือจะไปเดินย่านถนนช้อปปิ้งที่มีงานเครื่องแก้ว และโอท็อปอื่นๆ ชมนาฬิกาไอน้ำ ก่อนปิดท้ายที่ขนมหวานอร่อยๆชื่อดังอย่างเลอเตา Le Tao

6. มาญี่ปุ่นทั้งที จะพลาดได้อย่างไร ร้านทัตซึมิซูชิเป็นร้านซูชิในโอตารุ สามารถเรียนทำซูชิได้ ซูชิที่นี่อร่อย สด และเชฟเป็นกันเองมาก มานั่งดูพ่อครัวทำซูชิสดๆใหม่ๆ แต่ละคำสดอร่อยหวานมาก โดยเฉพาะหอยโฮตาเดะ ไข่ปลา กุ้ง

7. ขึ้นชื่อว่ามาญี่ปุ่น ต้องมาชิมสาเก โรงงานสาเก ทานากะ ในโอตารุ (Tanaka Sake Brewery Kikkogur) เป็นโรงงงานสาเกที่มีชื่อเสียงมากที่เมืองโอตารุ สร้างเป็นเเบบตึกเก่าเป็นสถาปัตยกรรมโบราณที่สวยงามมาก

สามารถชิมรสชาติของสาเกที่มีมากถึง 10 ชนิดของที่นี่ได้ และยังมีสาเกสำหรับสตรีด้วย ปริมาณแอลกอฮอล์ไม่สูงนักและรสชาติดี

สาเกที่นี่มีความพิเศษ ทำมาจากข้าวที่ปลูกในฮอกไกโดเเละน้ำตามธรรมชาติที่บริสุทธิ์ 100% โรงงานสาเกที่นี่จึงได้รับการจัดอันดับให้เป็นสถานที่ อีกเเห่งที่ไม่ควรพลาด

8. ชิมเบียร์ซัปโปโร การมาซัปโปโร นอกจากมาชื่นชมธรรมชาติและวิถีชีวิตแล้ว ที่ขาดไม่ได้คือต้องลองชิมเบียร์ ซัปโปโร เบียร์ดังระดับโลก และต้องลองรสชาติใหม่ๆ และต้องนั่งใหชิลด์แบบได้บรรยากาศที่ Sapporo Beer Garden ที่นี่มีเบียร์ช็อคโกแลตด้วยนะคะ

นอกจากนี้ยังมีเนื้อแกะย่างหรือที่เรียกว่า เจงกีสข่าน เสริฟกันแบบไม่อั้นเลยค่ะ สำหรับคนชอบทานเนื้อแกะขอแนะนำ

9. ว้าวสนุกที่สุดเลยค่ะกับเทศกาลหิมะซัปโปโร เป็นเทศกาลหิมะที่มีชื่อเสียงของนครซัปโปโร ซึ่งจัดขึ้นประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกๆ ปี บนพื้นที่จัดงาน 3 ส่วนคือ สวนสาธารณะโอโดริ, ย่านการค้าซูซูกิโน และซัปโปโรคอมมูนิตี้โดม (สึโดมุ) ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 68 แล้วนะคะ

ในงานมีการนำเสนอประติมากรรมที่สร้างจากหิมะและน้ำแข็งเป็นจำนวนนับร้อยชิ้น เทศกาลหิมะซัปโปโรเป็นเทศกาลหิมะที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และมีผู้เข้าชมงานจากทั่วโลกกว่า 2 ล้านคนทุกปี และมีคนไทยที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ส่งเข้าร่วมประกวดการปั้นหิมะเกือบทุกปี หลายครั้งที่ไทยได้รับรางวัลชนะเลิศ (Grand Champion)

เป็นที่น่าเสียดายว่าปีนี้ เมืองไทยไม่ได้รับรางวัล แต่รูปแกะสลักมวยไทย ก็สวยงามได้นับความสนใจมากค่ะ โดยทีมแกะสลักทั้ง 3 คนจากเมืองไทย

10.โนโบริเบทสุ มารีน พาร์ค (NOBORIBETSU Marine Park Nixe) เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ตั้งอยู่ในเมือง Noboribetsu มีจุดเด่นอยู่ที่ปราสาททำจากอิฐสีแดงที่สร้างจำลองแบบมาจากปราสาททางฝั่งยุโรป และบริเวณโดยรอบก็จะมีอาคารทรงยุโรปตั้งเรียงรายกัน

ในปราสาทอิฐแดง ภายในจะแบ่งเป็น 4 ชั้น แต่ละชั้นก็จะเป็นการจัดแสดงสัตว์น้ำประเภทต่างๆ และมีการจัดแสดงสัตว์เลื้อยคลานอยู่ภายในนี้ด้วย ไฮไลท์ของที่นี่ คือ อุโมงค์ที่ทำจากกระจกที่ภายในเต็มไปด้วยปลาหลากหลายชนิด เมื่อท่านได้เดินอยู่ภายในอุโมงค์นี้ก็จะรู้สึกเหมือนเดินอยู่ใต้ท้องทะเลที่มีปลานับพันแหวกว่ายอยู่รอบตัวของท่าน

ในส่วนของภายนอกปราสาท จะมีการแสดงจากสัตว์ 3 ชนิด ประกอบด้วย

  1. Hokkaido ก็เพื่อจะมาชมนกเพนกวินเหล่านี้

11. มาที่หนาวๆก็อยากมาบ่อน้ำพุร้อนหรือออนเซ็น ซึ่งย่านบ่อน้ำร้อนโนโบริเบทสึ(Noboribetsu Onsen) เป็นย่านที่มีชื่อเสียงที่สุดของเกาะฮอกไกโด ซึ่งมีน้ำร้อนที่แตกต่างกัน 11 ชนิด นับเป็นน้ำร้อนที่ดีและมีประสิทธิภาพมากที่สุดของญี่ปุ่น ภายในย่านแห่งนี้เต็มไปด้วยโรงแรม และที่พักเรียวกังขนาดใหญ่มากมาย ที่มีห้องอาบน้ำออนเซ็นเปิดให้บริการกับทั้งผู้เข้าพัก และไม่ได้เข้าพัก ราคาอยู่ที่ประมาณ 700-2,000 เยน และยังมีห้องอาบน้ำสาธารณะ 1 แห่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง

ห้องอาบน้ำต่างๆในย่านโนโบริเบทสึ จะแยกชายหญิง มีน้ำร้อนที่มีแร่ธาตุเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่า 7 ชนิด มีบ่อน้ำร้อนเช่น กำมะถัน เกลือ และเหล็ก มีบ่อน้ำร้อนทั้งในร่มและกลางแจ้ง บางแห่งมีสระว่ายน้ำ ห้องซาวน่า น้ำตก ห้องซาวน่า อ่างจากุซซี่  การแช่ออนเซ็นนั้นจะไม่ใส่เสื้อผ้าอะไรเลย ตามธรรมเนียมญี่ปุ่น แต่ก็แยกเป็นห้องอาบน้ำชายและหญิงค่ะ แช่ขึ้นมาแล้วสบายตัวมากๆ        

12. สวยงามมากดินแดนธารน้ำร้อนไหลผ่าน Noboribetsu Jigokudani หรือ Hell Valley ซึ่งตั้งอยู่ใน Shikotsu Toya National Park โดยชื่อ Jigokudani นี้มาจากชื่อของภูเขาไฟ ซึ่งภูเขาไฟแห่งนี้เป็นแหล่งกำเนิดธารน้ำร้อนที่ไหลไปทั่วเมือง Noboribetsu จนทำให้เมืองนี้มีสถานที่สำหรับแช่ออนเซ็นเป็นจำนวนมาก

เดินเล่นชมเมืองซึ่งจะมีรูปปั้นยักษ์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองตั้งอยู่ทั่วตัวเมือง และยังมีรูปปั้นสัตว์ต่างๆ ตั้งประดับไปทั่วเมืองอีกด้วย

เมื่อเข้าไปใน Hell Valley จะสามารถมองเห็นธารน้ำร้อนพร้อมกับไอร้อนที่ระอุขึ้นมาไหลไปตามแนวภูเขา แถมยังได้เห็นสารกำมะถันที่มีอยู่ทั่วไปบนภูเขาไฟแห่งนี้

ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนจนถึงต้นเดือนมีนาคม จะพบกับทางเดินที่เต็มไปด้วยหิมะขาวโพลนตัดกับสีของดินบริเวณที่ธารน้ำร้อนไหลผ่านดินจะเป็นสีออกส้มๆ ซึ่งจะเป็นภูมิประเทศที่สวยงามแปลกตาเป็นอย่างมาก

13. ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์หมีสีน้ำตาล (Noboribetsu Bear Park) ตั้งอยู่บนยอดเขาโนโบริเบ็ทสึ ซึ่งปัจุบันหมีสีน้ำตาลนั้นใกล้สูญพันธุ์และหาพบได้ยาก มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ไซบีเรียและเกาะฮอกไกโด การขึ้นไปชมนั้นก็ต้องนั่งกระเช้าขึ้นไป

แปลกดีมีการตากอาหารเป็นปลาแห้งตัวใหญ่ๆไว้บนบางกระเช้าด้วย

ที่นี่เป็นศูนย์รวมของหมีมากมายจริงๆ ภายในศูนย์อนุรักษ์ฯ จะมีพื้นที่สร้างบรรยากาศที่จำลองใกล้คล้ายคลึงกับธรรมชาติสำหรับหมีสีน้ำตาลที่อยู่อาศัยมากกว่าร้อยตัว นอกจากนั้นยังมีนิทรรศการเกี่ยวกับหมีสีน้ำตาล ร้านอาหาร และร้านจำหน่ายของที่ระลึก

แถมมีวิวที่สวยงาม มองเห็นภูเขารูปครึ่งวงกลมโอบล้อมทะเลอีกด้วย

14. มาเดินย้อนยุคเอโดะที่หมู่บ้านโบราณ Noboribetsu Date Jidaimura ชมโชว์นินจาที่หมู่บ้านนินจาคาสุมิ โชว์โออิรัน อยากจะแปลงร่างเป็นขุนนาง เจ้าหญิง เกอิชา หรือนินจาน้อย ก็สามารถถ่ายรูปเป็นที่ระลึกและใส่เดินในหมู่บ้านทั้งวัน

นอกจากนี้ยังมีเขาวงกตนินจา กระท่อมสัตว์ประหลาด ลานประลอง และอีกมากมาย สนุกกับเหล่านักรบ นินจา โออิรัน และชาวบ้านที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ณ ที่แห่งนี้ ปิดท้ายด้วยช้อปปิ้งขนมญี่ปุ่น และของที่ระลึกแบบญี่ปุ่น

15. อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญยามค่ำคืนของการท่องเที่ยวฮอกไกโด คือการขึ้นไปชมวิวสวยงามติดอันดับโลกด้วย Mt. Hakodate Ropeway หรือ รถกระเช้าขึ้นยอดเขาฮาโกดาเตะ ที่เมืองฮาโกดาเตะ

วิวจากยอดเขาฮาโกดาเตะที่มองกลับลงมายังท่าเรือ และตัวเมืองที่โอบล้อมด้วยทะเลทั้งสองข้างในยามค่ำคืน สวยงามแปลกตา และว่ากันว่าเป็นวิวกลางคืนที่สวยงามที่สุด 1 ใน 3 ของโลกทีเดียว จุดชมวิวบนยอดเขาฮาโกดาเตะนี้ ในฤดูหนาวจะ ขึ้นไปได้แต่รถกระเช้า (Ropeway) เท่านั้น ถนนจะปิดเพื่อป้องกันอันตรายขณะหิมะตก

จุดชมวิวยอดเขา มีทั้งภัตตาคาร ร้านขายของที่ระลึก บริเวณนั่งเล่นชมวิวในห้องกระจกที่อุ่นสบาย และดาดฟ้า ที่สามารถจะออกไปชมวิวและถ่ายรูปภายนอก

16. ตลาดเช้าของ Hakodateเนื่องจากฮาโกดาเตะ เป็นเมืองท่าริมทะเล จึงมีตลาดเช้าที่มีอาหารทะเลสดๆใหม่ๆมากมาย ขอย้ำว่าทุกอย่างตัวใหญ่มาก มีวิวทิวทัศน์ริมทะเลที่งดงาม เราสามารถซื้อปูตัวใหญ่ๆ หอยเม่น ปลาหมึก และอีกหลายสิ่งกลับเมืองไทย

ยังมีผลไม้ประเภทสตรอเบอรี่ด้วย และอีกหลายอย่าง เราสามารถซื้ออาหารทะเลสดๆเป็นๆให้ทางร้านนำมาปรุงสุกให้ได้

17. เที่ยวฮอกไกโดทั้งที ต้องมาชมโกดังเก่าแก่ Kanemori Red Brick Warehouse อายุกว่าร้อยปีที่ท่าเรือริมทะเลในเมืองฮาโกดาเตะ ปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็นร้านอาหารและแหล่งช้อปสุดชิลล์ แหล่งชมวิวริมทะเล และจุดเก็บภาพสุดชิคชิลด์

นี่คือ Kanemori Red Brick Warehouse หรือ ท่าเรือและโกดังอิฐแดง เมืองฮาโกดาเตะ สร้างตามแบบตะวันตกด้วยอิฐแดง แต่เดิมที่แห่งนี้เป็นโกดังของพ่อค้าผู้มั่งคั่งที่สร้างเอาไว้เก็บสินค้าจากท่าเรือฮาโกดาเตะ แต่ปัจจุบันโกดังจำนวน 5 หลังถูกดัดแปลงให้กลายเป็นร้านค้าของที่ระลึก ร้านอาหาร โรงเบียร์ และอื่นๆ

บรรยากาศคล้ายเอเชียทีคของบ้านเรา

ภายในมี Hakodate Factory มีร้านขายของที่ระลึกมากมาย เหมาะแก่การเดินเล่นชมวิว และเก็บภาพสวยๆ โบสถ์สวยเล็กๆ ที่สร้างด้วยอิฐแดงนี้ ตั้งอยู่ใน บริเวณ Hakodate Factory มีอาคารที่ทำการไปรษณีย์เก่าสมัยเมจิ (Old Hakodate Meijikan Post Office) ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1911 เป็นอาคารที่สร้างด้วยอิฐแดงแบบ ตะวันตกในสมัยเมจิ อาคารหลังนี้ถูกใช้เป็นที่ทำการไปรษณีย์ของเมืองจนถึงปี ค.ศ.1962 ที่ทำการไปรษณีย์จึงถูกย้ายไปตั้งที่ใหม่ อาคารแห่งนี้ก็เลยเปลี่ยนเป็นร้านค้าขายของที่ระลึกต่างๆ ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้า Hakodate Factory

18. ป้อมโงเรียวกาคุ Fort Goryokaku และ หอคอยโงเรียวกาคุ(Goryokaku Tower) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ป้อมดาว 5 แฉก” เพราะบริเวณนั้นเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่รูปดาว เนื่องจากต้องการเพิ่มพื้นที่ในการวางปืนใหญ่ ป้อมสร้างตามสไตล์ตะวันตก สร้างขึ้นในปีสุดท้ายของสมัยเอโดะ เพื่อป้องกันเมืองฮาโกดาเตะจากการคุกคามจักรวรรดินิยมที่เกิดจากมหาอำนาจตะวันตก หลังจากป้อมแห่งนี้ไม่ได้ใช้งานแล้ว จึงถูกดัดแปลงให้กลายเป็นสวนสาธารณะในช่วงปี 1910

มีการปลูกต้นซากุระกว่า 100 ต้นตามแนวคูน้ำ ให้เป็นจุดชมดอกซากุระที่สวยงามในช่วงฤดูใบไม้ผลิต้นเดือนพฤษภาคม ถ้าช่วงหน้าหนาวก็ชมซากุระที่ไม่มีใบ เหมือนกำลังหลับใหล แปลกตาไปอีกแบบ

ส่วนหอคอยโงเรียวกาคุ(Goryokaku Tower) เป็นหอคอยสูง 90 เมตร (รวมสายล่อฟ้าสูง 107 เมตร) ด้านบนเป็นรูปห้าเหลี่ยม ตั้งอยู่ทางทิศใต้ สร้างขึ้นในปี 2006 สามารถขึ้นไปชมวิวป้อมดาวห้าแฉกได้อย่างชัดเจนแบบ 360 องศา ซึ่งเป็นจุดฮิตที่มาเที่ยวป้อมโงเรียวกาคุแล้วจะต้องขึ้นไปชมวิวนี้ ชั้นล่างสุดที่ฐานเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร และลานจัดนิทรรศการ

ท้าทายความสูงต้องขึ้นไปยืนบนกระจกแก้วใส ที่มองลงมาแล้วชวนหวาดเสียว

19. ที่ฮาโกดาเตะ มีร้านแฮมเบอร์เกอร์ชื่อดัง HANBURGER LUCKY PIERROT ที่เปิดสาขาทั่วเมือง ไม่ว่าจะไปที่ Motomachi, อาคารอิฐแดง, Goryokaku tower หรือใกล้ๆกับสถานี JR Hakodate สะดุดตากับร้านแฮมเบอร์เกอร์ตัวตลก ที่ตกแต่งร้าน Circus Style ไว้ได้น่าสนใจ พร้อมทั้งเมนูที่น่าชิม ลิ้มลองไปทุกอย่าง ที่สำคัญราคาไม่แพงด้วย ทำให้ต้องมีคนเข้าคิวยาวตั้งแต่ร้านเปิดกันเลยทีเดียว

นี่คือร้าน HANBURGER LUCKY PIERROT ร้านแฮมเบอร์เกอร์ที่ผสมผสานความเป็นญี่ปุ่นไว้ได้อย่างลงตัว จุดเริ่มต้นของร้านนี้คือ เวลาคนเรานึกถึงญี่ปุ่นก็ต้องนึกถึงราเมง หรือเวลาเราไปอเมริกา มักจะเห็นร้านแฮมเบอร์เกอร์ แต่ยังไม่มีร้านแฮมเบอร์เกอร์สำหรับคนญี่ปุ่น เลยมีไอเดียในการนำส่วนประกอบของอาหารญี่ปุ่นมารวมกับวัตถุดิบต่างๆในการทำแฮมเบอร์เกอร์ จนออกมาได้เป็นเมนูที่ถูกใจคนญี่ปุ่น

เมนูเบอร์เกอร์เริ่มต้นที่ 350 เยน โดยมีเมนูยอดนิยม 5 อันดับแรกได้แก่ Chinese Chicken Burger , Lucky egg Burger , Tonkatsu Burger , Teriyaki Burger, Special Bacon Egg Burger

20. CONBUKAN (kelp museum-kelp market) พิพิธภัณฑ์สาหร่ายทะเลคอมบุ ชมวิธีการแปรรูปสาหร่ายทะเลเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดต่าง ๆ ชิมไอศครีมสาหร่ายทะเล และมีผลิตภัณฑ์จากสาหร่ายให้เลือกช้อปมากมาย ทั้งอาหารและขนม

ลองไปเที่ยวหน้าหนาวที่ฮอกไกโดแล้วคุณจะประทับใจ

         

Big Thanks to องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) , Hokkaido Tourism , Haruo Otani President Asian Pro-net ,Katsuhito Matsuura Travel Division Director Act Now

ติดตามข่าวสารท่องเที่ยวได้ที่ Facebook Travelista นักเดินทาง