ไทยยูเนี่ยน เข้าลงทุนเชิงกลยุทธ์ในธรรมชาติซีฟู้ด รีเทล

ไทยยูเนี่ยน เข้าลงทุนเชิงกลยุทธ์ในธรรมชาติซีฟู้ด รีเทล

ดำเนินธุรกิจในกลุ่มร้านอาหารและเครื่องดื่ม 2 รูปแบบ คือ เดอะ ดอค ซีฟู้ดบาร์และ เดอะ ล็อบสเตอร์ แล็บ ซึ่งมี 8 สาขาบริหารแบบโอเชียนบาร์


บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และบริษัท ธรรมชาติซีฟู้ด รีเทล จำกัด (TSR) เผยวันนี้ว่า ไทยยูเนี่ยนได้ตกลงเข้าถือหุ้นร้อยละ 25.1 ของธรรมชาติซีฟู้ด ซึ่งคิดเป็นเงินลงทุนประมาณ 37 ล้านบาท
บริษัท ธรรมชาติซีฟู้ด ก่อตั้งเมื่อปี 2550 เพื่อให้บริการจัดการอย่างมืออาชีพด้านเคาน์เตอร์อาหารทะเลแก่ผู้ประกอบการค้าปลีกของไทย

โดยมีเคาน์เตอร์อาหารทะเลให้บริการสินค้าทั้งแบบสดและแบบแช่แข็ง 158 แห่งในประเทศไทย ซึ่งรวมถึงกลุ่มร้านอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีแนวคิด 2 รูปแบบ คือ เดอะ ดอค ซีฟู้ดบาร์ (The Dock Seafood Bar) เดอะ ล็อบสเตอร์ แล็บ (The Lobster Lab) ซึ่งมี 8 สาขา นอกจากนี้ยังมีให้บริการแบบโอเชียนบาร์ (Ocean Bar) ซึ่งปัจจุบันธรรมชาติซีฟู้ดสามารถทำยอดขายได้มากกว่า 660 ล้านบาท

ทั้งนี้ข้อตกลงดังกล่าวคาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2561
 
มร. จูเลียน จี เดวี่ส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคุณยี่หร่าน จี เดวี่ส์ ผู้ร่วมก่อตั้ง ของบริษัท ธรรมชาติซีฟู้ด ในช่วงแรกจะยังเป็นผู้ถือหุ้นหลักและดูแลการดำเนินการธุรกิจ ทั้งนี้เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนต่างๆ ไทยยูเนี่ยนคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นเป็นร้อยละ 65 ในปี 2562
 
ไทยยูเนี่ยน ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย เช่น ซีเล็ค ฟิชโช และคิวเฟรช จะสามารถใช้ประโยชน์จากกลุ่มร้านอาหารทะเลของธรรมชาติซีฟู้ด อย่างเช่น เดอะ ดอค และกลุ่มร้านให้บริการขนาดเล็ก เช่น เดอะ ล็อบสเตอร์ แล็บ รวมทั้งความเป็นไปได้ในการจัดหาสินค้าให้กับธรรมชาติซีฟู้ดในกลุ่มธุรกิจค้าปลีก
 
“ไทยยูเนี่ยนเข้าลงทุนในธรรมชาติซีฟู้ด เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อาหารทะเลประเภทแช่เย็นและรมควันร่วมกับธรรมชาติซีฟู้ด” นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป กล่าว “การลงทุนนี้เป็นการเดินหน้าเชิงกลยุทธ์เพื่อเจาะกลุ่มธุรกิจค้าปลีกอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ไทยยูเนี่ยนเพิ่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็งภายใต้แบรนด์ คิวเฟรช ไป ทั้งนี้ไทยยูเนี่ยนและธรรมชาติซีฟู้ดเชื่อว่า นี่จะเป็นการนำผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแบบแช่เย็นและรมควันที่มีมาตรฐานและคุณภาพระดับสูงมาบริการให้แก่ผู้บริโภคของเราอย่างดีที่สุด"
 
“นอกจากนี้ การลงทุนดังกล่าวยังสอดคล้องกับเป้าหมายของไทยยูเนี่ยนที่จะขยายการเติบโตในตลาดเอเชีย รวมถึงประเทศไทย ซึ่งเราได้เห็นการเติบโตตัวเลขแบบสองหลักในธุรกิจอาหารแช่แข็งของเราในปีที่ผ่านมา”
 
“ผมยินดีกับการควบรวมครั้งนี้” มร. จูเลียน กล่าว “การทำงานร่วมกับไทยยูเนี่ยนจะทำให้ธรรมชาติซีฟู้ดสามารถดำเนินตามกลยุทธ์การเติบโตและมีรากฐานที่แข็งแกร่งทั่วประเทศไทย โดยการเพิ่มความสามารถของเราเพื่อส่งมอบคุณค่าที่เหนือกว่าให้กับลูกค้าของเรา รวมถึงพนักงานและผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง”
 

 

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

อภิรดี ภู่ภิรมย์ (พิต้า)

Consumer Marketing Communications Lead 

โทรศัพท์: +66.81.802.6933

อีเมล: Apirdee.Poopirom@thaiunion.com