กรมพัฒน์ฯ เดินหน้าชี้แจง Doing Business 2020
ลุ้น!! ลำดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ...ดีขึ้น ตุลาคมนี้...รู้ผล
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เดินหน้าชี้แจงความคืบหน้าการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจด้านการเริ่มต้นธุรกิจ (Starting Business) ของไทยแก่ทีมวิจัยธนาคารโลก เน้นปรับปรุงระบบการให้บริการที่สะดวก รวดเร็ว ตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบธุรกิจได้อย่างครบวงจร โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการ ลุ้น!! ลำดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของไทยดีขึ้น รู้ผล..ตุลาคม นี้
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า “เมื่อเร็วๆ นี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เข้าร่วมการประชุมชี้แจงการดำเนินการตามรายงานการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจในประเทศไทย หรือ Doing Business 2020 ต่อทีมวิจัยของธนาคารโลก (World Bank) ณ สำนักงาน ก.พ.ร. โดยกรมฯ มีบทบาทสำคัญเกี่ยวข้องกับตัวชี้วัดด้านการเริ่มต้นธุรกิจ (Starting a Business) ในฐานะเจ้าภาพหลัก”
“ตามรายงาน Doing Business 2019 ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับอยู่ในอันดับรวมที่ 27 อันดับที่ 39 ด้านการเริ่มต้นธุรกิจ ซึ่งในปีนี้ กรมฯ ยังคงดำเนินการพัฒนาการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการให้บริการภาครัฐ และผลักดันให้อันดับตัวชี้วัดดีมากยิ่งขึ้น”
“ด้านการเริ่มต้นธุรกิจ กรมฯ มุ่งเน้นการปรับปรุงระบบการจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) ให้มีความสะดวกและง่ายต่อการใช้งาน ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการได้รับการบริการที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น ทั้งการเพิ่มช่องทางการยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ การเพิ่มรูปแบบการกรอกข้อมูลคำขอจดทะเบียนแบบง่าย (สำหรับการยื่นคำขอจดทะเบียนที่ไม่มีความยุ่งยากซับซ้อน) และการเพิ่มช่องทางให้ผู้แทนรับจดทะเบียนสามารถจัดทำและยื่นคำขอจดทะเบียนแทนผู้ที่เกี่ยวข้องกับนิติบุคคล ซึ่งคาดว่าการพัฒนาดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนให้มีการใช้งานระบบ e-Registration เพิ่มสูงขึ้น”
รองอธิบดีฯ กล่าวต่อว่า “นอกจากนี้ กรมฯ อยู่ในระหว่างการหารือร่วมกับกรมสรรพากร และสำนักงานประกันสังคม เพื่อบูรณาการขั้นตอนการจดทะเบียนธุรกิจ การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และการขึ้นทะเบียนนายจ้าง-ลูกจ้าง ให้อยู่ภายในขั้นตอนเดียว ซึ่งผู้ใช้งานสามารถดำเนินการดังกล่าวทั้ง 3 เรื่องได้พร้อมกัน เมื่อจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล ณ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า”
“สำหรับด้านการได้รับสินเชื่อ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2562 มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นเจ้าภาพหลักในการเชื่อมโยงฐานข้อมูลการจดทะเบียนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเข้าด้วยกัน เพื่อให้ฐานข้อมูลทรัพย์สินมีความครบถ้วน ทันสมัย และสามารถสืบค้นได้ ณ ที่เดียว ซึ่งขณะนี้ กรมฯ ร่วมกับกรมเจ้าท่าและกรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูลหลักประกันทางธุรกิจทางอิเล็กทรอนิกส์ในเดือนมิถุนายน 2562 และคาดว่าจะสามารถเปิดใช้งานระบบได้ในเดือนตุลาคม 2562 ซึ่งปัจจุบันได้เปิดให้บริการตรวจค้นข้อมูลทรัพย์สินที่มีหลักประกันของกรมฯ ผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่ ทางเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (www.dbd.go.th) และทางระบบ Mobile Application (DBD e-Service)”
“จากการดำเนินการพัฒนาระบบการให้บริการที่มีมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง มีการปรับปรุงกฎระเบียบ การปรับเปลี่ยนวิธีปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยสนับสนุนการปฏิบัติงาน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับความสะดวก รวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่าย จะช่วยให้ลำดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของไทยดีขึ้น รวมทั้ง ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นเป้าหมายสำคัญที่นักลงทุนชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ผลการการจัดอันดับฯ ปี 2020 จะประกาศผลประมาณเดือนตุลาคม 2562 นี้” รองอธิบดีฯ กล่าวทิ้งท้าย
ทุกๆ ปี ธนาคารโลกจะจัดทำรายงานการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของ 190 ประเทศทั่วโลก หรือ Doing Business ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นของหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจเกี่ยวกับกระบวนการ ขั้นตอน ระยะเวลาการให้บริการ ค่าใช้จ่าย ระบบอำนวยความสะดวกของหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงกฎหมายและระเบียบต่างๆ ของภาครัฐ โดยมีตัวชี้วัดในการสำรวจทั้งหมด 10 ด้าน ได้แก่ การเริ่มต้นธุรกิจ (Starting a Business) การขออนุญาตก่อสร้าง การขอใช้ไฟฟ้า การจดทะเบียนสินทรัพย์ การได้รับสินเชื่อ การคุ้มครองผู้ลงทุน การชำระภาษี การค้าระหว่างประเทศ การบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง และการแก้ไขปัญหาล้มละลาย