‘อาสาสมัครท่องเที่ยวไทย’ จิ๊กซอว์สำคัญที่ยกระดับการท่องเที่ยวเพื่อความยั่งยืน

‘อาสาสมัครท่องเที่ยวไทย’ จิ๊กซอว์สำคัญที่ยกระดับการท่องเที่ยวเพื่อความยั่งยืน

เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนให้งานวิจัยของชุดขับเคลื่อนและผลักดันผลงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม

 

ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวมากเป็นอันดับ 4 ของโลก แต่เมื่อพิจารณาในเชิงลึกพบว่าการท่องเที่ยวพบว่าไทยยังมีดัชนีชี้วัดด้านความปลอดภัยและความมั่นคง (Safety & Security) รวมถึงดัชนีชี้วัดด้านความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม (Environmental Sustainability) อยู่ในระดับต่ำ ทำให้ความสามารถการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของไทยยังอยู่ในระดับที่ 31 ของโลก

 

การระดับความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยรวมถึงการสร้างความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติในแหล่งท่องเที่ยว จึงเป็นส่วนสำคัญที่จะสามารถผลักดันและยกระดับการท่องเที่ยวเที่ยวได้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือที่หน่วยงานบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) กลุ่มเรื่อง การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ได้สนับสนุนทุนวิจัยแก่สมาคมไทยท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ (TRTA) จัดกิจกรรม เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับองค์กรอาสาสมัครไทยที่สามารถพัฒนาไปสู่องค์กรอาสาสมัครการท่องเที่ยวไทยเพื่อความยั่งยืนได้ ผ่านกิจกรรมอาสาสมัครการท่องเที่ยวไทย เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2563 ณ ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ

 

ภายในงานมีกิจกรรมหลัก 4 กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมการปั่นจักรยานเพื่อศึกษาระบบนิเวศในคุ้งบางกะเจ้า  กิจกรรมการสาธิตการคัดแยกขยะ จากวัดจากแดง นิทรรศการ Thai Volunteers in Tourism Exhibition 2020 และงานเสวนาหัวข้อ “งานอาสาสมัครท่องเที่ยวไทยเพื่อความยั่งยืน”

 

โดยหนึ่งในกิจกรรมที่น่าสนใจ คือการ เสวนาในหัวข้อ “งานอาสาสมัครท่องเที่ยวไทยเพื่อความยั่งยืน” ซึ่งมี ผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย ผู้แทนกลุ่มอาสาสมัครการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ ผู้แทนกลุ่มอาสาสมัครการท่องเที่ยวจังหวัดสตูล (Reef Guardian) ผู้แทนกลุ่มอาสาสมัครการท่องเที่ยวคุ้งบางกะเจ้า ผู้แทนกลุ่มอาสาสมัครการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย และผู้ประกอบการการท่องเที่ยวเชิงอาสาสมัคร Andaman Discoveries ดำเนินการเสวนา โดย ดร.ปรัชญากรณ์ ไชยคช คณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

 

โดยมีคุณรุจิรัศมิ์ ฉัตรเฉลิมกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายสินค้าการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นประธานในการเปิดงาน และมีผู้ร่วมรับฟังการเสวนาจากหลากหลายหน่วยงาน อาทิ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สถานีตำรวจภูธร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานจังหวัดฉะเชิงเทรา องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) กลุ่มการท่องเที่ยวโดยชุมชน ฯลฯ

 

เนื้อหาจากเวทีการเสวนาได้แสดงทัศนะต่างๆ เกี่ยวกับงานอาสาสมัครการท่องเที่ยว โดยสรุปได้ว่า “งานอาสาท่องเที่ยวมีความจำเป็นอย่างมากในการยกระดับความเชื่อมั่นต่อการท่องเที่ยวของประเทศ โดยมีใจความสำคัญดังนี้

 

อาสาสมัคร ผู้ที่ส่งเสริมความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว

 

หลายคนอาจเคยตั้งคำถามว่า “ทำไมต้องมีอาสาสมัครด้วย การเสวนาในครั้งนี้ในคำตอบหลากหลายมิติ โดยหนึ่งในคำตอบที่ชัดเจนที่สุดคือ มีอาสาสมัครเพื่อเป็นหูเป็นตาด้านความปลอดภัย

 

โดยตัวแทนจิตอาสาจากเชียงใหม่ เล่าว่าที่เชียงใหม่มีอาสาสมัครนักท่องเที่ยวมากในพื้นที่ แต่สิ่งที่ขาดคือไม่มีหน่วยงานกลางที่คอยประสานงาน ทำให้การช่วยเหลือช้า หากในอนาคตมีศูนย์กลางจะทำให้เป็น one stop service ตัวอย่างเช่นกรณีสาวยุโรปโดนหนุ่มไทยหลอกเหลือเพียงอูคูเลเล่ มาขายเพราะเพื่อซื้อตั๋วกลับเชียงใหม่ หน่วยงานเลยลงขันจองที่พักให้นักท่องเที่ยวคนดังกล่าว จึงประสานกับตำรวจเชียงราย เพื่อให้การช่วยเหลือ เมื่อนักท่องเที่ยวกลับประเทศได้เค้าส่งเงินให้อาสมัคร 100,000 บาท สะท้อนว่าการช่วยเหลือเหล่านี้เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องการ

 

ขณะที่ตัวแทนจาก จ.กระบี่ สะท้อนว่าที่กระบี่มีอาสาสมัครพอสมควร ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นเนื่องจากเมื่อเกิดการณ์ต่างๆ หน่วยงานราชการเข้าถึงจุดเกิดเหตุช้า แต่กลุ่มอาสาเคยชินพื้นที่เข้าถึงไวกว่า ซึ่งช่วยทำให้เข้าถึงแพทย์ได้เร็วขึ้น ลดการสูญเสีย หรือแม้แต่กิจกรรมทางน้ำ ที่เคยมีผู้จมน้ำเสียน้ำตื้นเสียชีวิตเนื่องจากใช้อุปกรณ์ไม่เป็น กังนั้น อาสาสมัครเหล่านี้จึงทำหน้าที่เป็นหูเป็นตา เข้าไปช่วยเป็นตัวประสานกับทุกหน่วยงานเพื่อลดโอกาสเกิดปัญหากเหล่านี้ได้

 

ใครเป็นอาสาสมัครได้บ้าง

 

อาสาสมัครการท่องเที่ยวจังหวัดสตูล (Reef Guardian) กล่าวว่า อาสาสมัครต้องทำด้วยใจเป็นจิตสำนึก และให้การช่วยเหลือในเรื่องที่ตัวเองถนัด หลายครั้งนักท่องเที่ยวจีนไม่ใช้ไกด์ และจมน้ำ อาสาสมัครมีหน้าที่ลงไปหาการสูญเสีย มองว่าหน้าที่ต้องเป็นไปตามเหมาะสมกับบริบท และรีบสื่อสารกับนักท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวปลอดภัยมากกว่า ตอนนี้ Reef Guardian มีทั้งไกด์ คนขับเรือ อาสาสมัครเลยไม่ต้องมุ่งเป้าว่าทำอะไร แต่ให้ทำการช่วยเหลือตามบริบทนั้นๆ

 

จากเวทีการเสวนาสะท้อนว่า อาสาสมัครการท่องเที่ยวมีความจำเป็นอย่างมากในการยกระดับความเชื่อมั่นต่อการท่องเที่ยวของประเทศ แต่จำเป็นต้องมีการวางบทบาทหน้าที่และขอบเขตการทำงานของอาสาสมัครให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้ทำงานซ้ำซ้อนกับหน่วยงานที่มีอยู่แล้ว

 

อย่างไรก็ดีอาสาสมัครที่มีประสบการณ์การทำงานในพื้นที่มองว่าการทำงานของอาสาสมัครเป็นการทำงานเสริมประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงานที่มีอยู่มากกว่า โดยเฉพาะในกรณีกำลังคนของเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ หรือกรณีการขาดบุคลากรที่มีทักษะจำเป็นเร่งด่วน เช่น ทักษะภาษาต่างประเทศ ทักษะการกู้ชีพฉุกเฉิน เป็นต้น

 

อาสาสมัครท่องเที่ยวต้องเป็นขั้นกว่าของอาสาสมัคร ต้องทำให้นักท่องเที่ยวเห็นคุณค่าของพื้นที่ท่องเที่ยว รักสิ่งแวดล้อมที่มาใช้ รวมทั้งทำให้นักท่องเที่ยวพอใจที่เข้ามาเที่ยว รู้สึกเป็นส่วนร่วมกับพื้นที่ อาสาสมัครต้องเป็นผู้เชื่อมโยงหน่วยงานต่างๆ ที่เพื่อประสานหน่วยงานต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวรู้สึกปลอดภัยด้วย

 

รูปแบบองค์กรอาสาสมัครท่องเที่ยว ในอุดมคติ

 

ตัวแทนจากพื้นที่ต่างๆ เห็นต่างในเรื่องรูปแบบขององค์กรอาสาสมัครท่องเที่ยว โดยตัวแทนจากบางกระเจ้า: มองว่าควรเป็นองค์กรที่รวมสมาคมกับสาธารณสุข และอาจจะมีขวัญกำลังใจบ้าง จึงควรมีองค์กรมารองรับ ขณะที่ตัวแทนจากเชียงใหม่เห็นว่าควรเป็นหน่วยงานนึงที่ได้รองรับจากทุกหน่วยงาน มีหลักสูตรการพัฒนาอาสาสมัคร โดยให้หน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เข้ามาช่วยอบรมและสนับสนุนหน่วยงานอาสาสมัคร และมีงบประมาณในการสนับสนุน

 

ในทางเดียวกัน ตัวแทนจากกระบี่ และ Reef Guardian เห็นพ้องว่าควรเป็นองค์กรอิสระ แต่ควรมีกฎหมายรับรอง เพื่อให้การสนับสนุนจากหน่วยงานอื่นๆ หรือการสนับสนุนจากรัฐ แต่สามารถดำเนินงานได้สะดวกและเต็มที่

 

ซึ่งในภาพรวมตัวแทนจากทุกพื้นที่มองว่า หากสามารถจัดตั้งองค์กรอาสาสมัครการท่องเที่ยวไทยที่สามารถประสานงานเสริมประสิทธิภาพการทำงานด้านการท่องเที่ยวของประเทศได้จริง ก็จะสามารถยกระดับการท่องเที่ยวของประเทศโดยเฉพาะในประเด็นความปลอดภัยทางการท่องเที่ยวและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมของแหล่งท่องเที่ยวได้อย่างแน่นอน

 

นอกจากนี้ ตัวแทนต่างๆ ยังฝากถึงผู้ทำวิจัย ตัวแทนจากอันดามัน ยังเผยว่ารู้สึกสุขใจเมื่อได้อาสา พร้อมช่วยเหลือทีนที เช่นเดียวกับตัวแทนจากเชียงใหม่ ที่กล่าว่าพร้อมให้ความช่วยเหลือทุกส่วน และให้ความร่วมมือและตั้งใจทำจริง ขณะที่ตัวแทนจากบางกระเจ้า และกระบี่ ได้ขอบคุณกวิจัยเข้ามาทำการวิจัยในครั้งนี้ เพราะได้รับผลกระทบนักท่องเที่ยวน้อยตั้งแต่โควิด

 

ซึ่งเสียงสะท้อนจากปากของอาสาสมัครท่องเที่ยวเหล่านี้ จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนให้งานวิจัยของชุดขับเคลื่อนและผลักดันผลงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์ ภายใต้สำนักประสานงานการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (บพข.) เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม และช่วยผลักดันผลงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์อย่างแท้จริง