เอสซีจี เซรามิกส์ แถลงผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2564 น้ำท่วม โควิด-19 ล็อคดาวน์เข้ม กระทบยอดขายกำไร

เอสซีจี เซรามิกส์ แถลงผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2564  น้ำท่วม โควิด-19 ล็อคดาวน์เข้ม กระทบยอดขายกำไร

ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2564 น้ำท่วม โควิด-19 ล็อคดาวน์เข้ม กระทบยอดขายกำไร และสถานการณ์อุทกภัยในหลายจังหวัด ส่งผลให้ปริมาณการขายกระเบื้องเซรามิกลดลง แต่สามารถปรับราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย

นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด มหาชน (COTTO) ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องภายใต้แบรนด์คอตโต้ (COTTO) โสสุโก้ (SOSUCO) และ คัมพานา (CAMPANA) เปิดเผยถึงงบการเงินรวมก่อนสอบทาน ของ COTTO ในไตรมาสที่ ปี 2564 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 2,840 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5  จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไร 162 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 และสถานการณ์อุทกภัยในหลายจังหวัด ส่งผลให้ปริมาณการขายกระเบื้องเซรามิกลดลง แต่สามารถปรับราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย โดยในไตรมาสนี้บริษัทมีรายได้จากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมหนองแค 131 ล้านบาทด้วย

 

นายนำพล กล่าวว่า เมื่อมองย้อนไปปีก่อนมีการคลายมาตรการล็อกดาวน์ตั้งแต่ต้นไตรมาส แต่ในปีนี้สถานการณ์กลับกัน คือ มีการประกาศบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ขั้นสูงสุดจากการกลับมาระบาดของโควิดระลอกที่ 3 ซึ่งเป็นปัจจัยที่กดดันกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทำให้มีผลกระทบโดยตรงกับยอดขายในกลุ่มงานโครงการแต่ยังทรงตัวในส่วนของช่องทางโมเดิร์นเทรดและคลังเซรามิค สำหรับยอดขายต่างประเทศลดลงในส่วนของพม่า กัมพูชาและลาว ตามสถานการณ์โควิด-19   ในขณะที่ยอดขายตลาดต่างประเทศในโซนอื่น ๆ เริ่มทยอยฟื้นตัวขึ้นตามสภาวะเศรษฐกิจโลก ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงมากเป็นผลดีกับการส่งออก ด้านเศรษฐกิจในประเทศ แม้ว่าจะเริ่มมีแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่าย การลงทุนและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐแต่ช่วยพยุงกำลังซื้อได้เพียงบางส่วน เนื่องจากตลาดยังมีความกังวลกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 และมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวด ประกอบกับสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่หลายจังหวัดช่วงปลายไตรมาสที่ผ่านมา

สำหรับสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา นายนำพล คาดว่า สถานการณ์จะดีขึ้นใน 1-2 สัปดาห์ โดยหลังจากน้ำลดแล้วผู้บริโภคน่าจะมีความต้องการซื้อสินค้าเพื่อซ่อมแซมและตกแต่งบ้านมากขึ้น สอดคล้องไปกับแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและมาตรการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากทางภาครัฐ

            คาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐที่ทยอยออกมาในช่วงปลายปี จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 4 จนถึงต้นปีหน้าให้ฟื้นขึ้น แต่ยังมีปัจจัยที่ต้องจับตามองในขณะนี้ คือ เรื่องสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลก โดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติและราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาสที่ผ่านมา ส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนการผลิต ทั้งทางด้านพลังงานและด้านโลจิสติกส์ คาดว่าจะมีผลกระทบต่อไปอีกระยะหนึ่ง และเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ประกอบการทุกรายต้องเตรียมรับมือนายนำพล กล่าว