1 ปีของ LINE BK กับความสำเร็จที่เกินคาดของ Social Banking รายแรกในไทย
“1ปีของ LINE BK ถามว่าเรามาถูกทางหรือไม่ เราคงไม่กล้าพูดว่าสิ่งที่เราทำมันสำเร็จ แต่สิ่งที่เราทำ มันเห็นตรงกับความต้องการของตลาด แล้วผลตอบรับมันบอกว่า ใช่ เรามากันถูกทาง แต่เราต้องคิดต่อว่า ทำอย่างไรให้พัฒนาดีขึ้นไปอีก และสร้างความยั่งยืนได้ในระยะยาวข้างหน้า”
นั่นคือคำพูดของ “ธนา โพธิกำจร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด หรือ ผู้ให้บริการภายใต้แบรนด์ LINE BK ที่เรียกว่าเป็น Social Banking รายแรกของไทย ที่ไม่จำเป็นต้องมีสาขา ไม่ต้องเป็นธนาคาร แต่สามารถให้บริการทางการเงินได้ง่ายๆ ผ่าน LINE 100%
การดำเนินธุรกิจของ LINE BK ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา มียอดผู้ใช้บริการทางการเงินแล้วกว่า 3.4 ล้านราย บน 4 บริการหลัก ทั้งบริการบัญชีเงินฝากที่มีจำนวนบัญชีถึง 4 ล้านบัญชี บริการบัตรเดบิต 1.8 ล้านบัตร บริการบัญชีเงินออมดอกพิเศษ 1 แสนบัญชี และบริการวงเงินให้ยืมที่มีการปล่อยสินเชื่อแล้วกว่า 4.4 แสนบัญชี
เหล่านี้การันตีความ “สำเร็จ”ของ LINE BK ได้หรือยัง? “ธนา” เล่าให้ฟังว่าสิ่งที่ทำมาถึงตอนนี้ยังไม่อยากเรียกว่าความสำเร็จ แต่เรียกว่าทำได้ “ตรงตามความต้องการของตลาด” จะถูกกว่า เพราะหากดูจากผลตอบรับจาก 4 บริการหลัก ก็เป็นเครื่องการันตีแล้วว่า LINE BK มา “ถูกทาง” แล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่า 1 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ผ่านมาได้ง่ายๆ และแทบจะเป็นวิกฤตเลยทีเดียว สำหรับหลายๆ ธุรกิจรวมทั้งธุรกิจธนาคาร เพราะเราเจอกับวิกฤตจากไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 มาโดยตลอดตั้งแต่เปิดให้บริการจนถึงปัจจุบัน
ดังนั้นการเปิดตัวบริการใหม่ท่ามกลางวิกฤตที่มีข้อมูลข่าวสารเรื่องต่างๆ หลั่งไหลเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน โจทย์หลักของ LINE BK คือการหาวิธีสื่อสารและสร้างการรับรู้กับลูกค้า เพื่อให้พวกเขาเห็นว่าบริการเรามีประโยชน์หรือเข้ามาตอบโจทย์ช่วยให้ชีวิตเขาดีขึ้น ง่ายขึ้นอย่างไรบ้าง และต้องทำให้เขาเปลี่ยนพฤติกรรมมาลองใช้บริการของเรา ซึ่งเราชูจุดเด่นการทำธุรกรรมทั้งฝาก โอน ถอน สมัครบัตรเดบิต รวมถึงขอสินเชื่อได้ง่ายๆ บน LINE แบบครบจบในที่เดียวไม่ต้องเดินทางก็สมัครได้
อย่างไรก็ตามการปล่อยสินเชื่อในช่วงที่ผ่านมาถือเป็นบริการที่ท้าทายที่สุด สำหรับทั้งผู้ปล่อยกู้หรือต่อตัวผู้กู้เอง ซึ่งทุกสถาบันการเงินหรือผู้ให้บริการทางการเงินก็ต้องดูแลใกล้ชิดมากที่สุด ทั้งการชำระหนี้คืน การควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือหนี้เสียที่ทำอย่างไรให้เกิดน้อยที่สุด เพราะตั้งแต่ล็อกดาวน์คนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ หากไม่มีรายได้ ก็ไม่มีเงินชำระหนี้คืน ดังนั้นการบริหารในช่วงนี้ถือว่ายากมาก
ภายใต้ความยากลำบาก ในทางกลับกันก็ทำให้ LINE BK เรียนรู้และพบว่าการให้บริการผ่านดิจิทัล 100% ทั้งส่วนบริการ ฝาก โอน ถอน บัตรเดบิต และปล่อยสินเชื่อ เป็นสิ่งที่สะดวก คนเข้าถึงได้ง่าย ทำให้ลูกค้าเข้ามามากกว่าที่คิด โดยเฉพาะบริการสินเชื่อที่ลูกค้าสนใจสมัครเข้ามาเป็นจำนวนมาก ลึกๆ แล้วลูกค้ารู้ว่ามาที่ LINE BK แล้วสบายใจในการขอสินเชื่อ เพราะหากเลือกได้คงไม่มีใครอยากเดินไปขอสินเชื่อที่แบงก์ ไม่อยากเจอคน รู้สึกไม่ดี ที่สำคัญกลัวการถูกปฏิเสธ แต่การใช้บริการผ่าน LINE BK ตัดความไม่สบายใจออกไปได้เลย เพราะทุกอย่างทำได้ใน LINE
จากตัวเลขผู้ใช้บริการ LINE BK ที่ไปแตะถึง 3.4 ล้านบัญชีในระยะเวลา 1 ปี รวมถึงตัวเลขการสมัครใช้บริการอื่นๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งบริการฝาก โอน ถอน ออม และบัตรเดบิต ย้ำภาพให้เห็นว่าบริการ Social Banking ที่ตั้งใจทำออกมาสามารถเข้าถึงผู้ใช้งานที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้จริงๆ แต่ในอีกมุมก็ได้เรียนรู้ว่า ไม่ใช่ทุกคนที่คล่องดิจิทัล โดยเฉพาะอะไรที่ซับซ้อน ดังนั้นเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ต่อไปว่าจะทำอย่างไรให้คนเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น สะดวกมากกว่าเดิม โดยยังเชื่อว่า LINE BK สามารถทำอะไรได้อีกเยอะและโตได้อีกมาก
ในมุมบริการวงเงินให้ยืมได้ปล่อยสินเชื่อไปกว่า 4.4 แสนบัญชี พร้อมยอดการปล่อยสินเชื่อที่เกินเป้าไปแล้ว โดยมียอดคงค้างที่ 1.2 หมื่นล้านบาท ที่สำคัญสามารถทำได้ตามที่ตั้งใจไว้ คือ การเข้าถึงกลุ่มคนที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงินโดยเฉพาะบริการด้านสินเชื่อ เช่นคนที่ทำอาชีพอิสระ ไม่มีรายได้ประจำ ไม่มีสลิปเงินเดือน อย่างพ่อค้าแม่ค้า ฟรีแลนซ์ หรือแม้แต่เจ้าของธุรกิจ SME ต่างๆ รวมถึงคนรายได้น้อย หรือคนที่ไม่มีประวัติเครดิต ไม่มีประวัติทางการเงินมาก่อน ที่ความจริงแล้วคนกลุ่มนี้มีกว่า 60% ของคนที่ทำงานในประเทศ ซึ่งเชื่อว่านี่คือ Blue Ocean หรือ พื้นที่ใหม่ที่ LINE BK ต้องเข้าไปเปิดโอกาสไว้ให้ได้ ซึ่งการเจาะตลาดนี้ก็ไม่ได้ง่ายแต่เราเชื่อว่าตัวเองมีความสามารถในการประเมินความเสี่ยงได้ต่างมุมกว่าคนอื่นๆ ในตลาด ตรงนี้ทำให้ LINE BK แตกต่างจากผู้ให้บริการอื่น ซึ่งที่ผ่านมาเราอ้าแขนเปิดรับและสามารถอนุมัติสินเชื่อให้กลุ่มนี้ได้พอสมควร
“เราคงยืนหยัดเหมือนเดิมในสิ่งที่เราเรียนรู้และตั้งใจที่จะเป็น คือ เป็นบริการทางการเงินที่เข้าถึงคนที่ไม่เคยเข้าถึง วันนี้ส่วนใหญ่คนที่ปล่อยกู้ยังปล่อยอยู่กับคนเดิมๆ มนุษย์เงินเดือนเป็นหลัก แต่เราเกือบครึ่งเป็นกลุ่มอาชีพอิสระไม่ได้มีเงินเดือนประจำ และคนที่มีความต้องการใช้เงินแต่รายได้น้อย ถือว่าเราได้เข้าถึงคนที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงินแล้ว แต่เราไม่ได้บอกว่าเราไม่รับคนอื่นเรารับหมด หากมองว่าเราสะดวก ใช้บริการง่าย แน่นอนเราเปิดให้ทุกคน”
นอกจากเรื่องของบริการที่ถูกออกแบบมาได้ตรงใจผู้ใช้งานแล้ว สิ่งสำคัญที่ช่วยให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้างก็คือพันธมิตรผู้ให้บริการด้านต่างๆ ที่ช่วยสนับสนุนการเติบโต ถึงวันนี้ LINE BK ได้จับมือกับพันธมิตรมากกว่า 10 ราย อาทิ VISA, Lazada, Agoda, Rabbit LINE Pay, LINE MAN และ dtac เป็นต้น
อีกสิ่งที่ตอกย้ำความสำเร็จของ LINE BK ในปีแรกนี้ คือ การได้รับรางวัลการันตีคุณภาพมากถึง 9 รางวัล จาก 6 การประกวด อาทิ รางวัล Winner: Best Fintech for Digital CX - Personal Finance จากโครงการ Digital CX Awards 2021, รางวัล Winners: Bank + New Tech category จากโครงการ Financial NewTech Challenge 2021, รางวัล Best Digital Lending Service in Thailand จากโครงการ The Asian Banker Thailand Awards 2021 และ รางวัลสินค้าประเภทการเงินและการลงทุน ‘กลุ่มแอปพลิเคชันทางการเงิน’ ผลิตภัณฑ์ LINE BK จากโครงการ Product Innovation Awards 2021 เป็นต้น
เป้าหมายข้างหน้าของ LINE BK คือ การทำให้แบรนด์และบริการหลักทั้ง 4 บริการ พัฒนาและเติบโตเคียงข้างไปกับคนไทย ทำให้ธุรกรรมทางการเงินบน LINE เป็นเรื่องที่ง่ายเข้าถึงผู้ใช้ LINE ให้มากที่สุด ตามคอนเซ็ปต์ “เรื่องเงินง่ายใน LINE คุณ” โดยส่วนบริการสินเชื่อยังมีสิ่งที่ LINE BK อยากทำเพิ่มเติม คือ ทำอย่างไรให้สามารถเข้าถึงคนที่ไม่มีรายได้ประจำให้มากขึ้น รวมถึงคนที่อยู่ต่างจังหวัด ที่ไม่เคยชินกับอะไรที่ซับซ้อนในมือถือ จึงอยากมีโมเดลที่เข้าถึงคนกลุ่มนี้ได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้อีกมาก และอยากจูงมือให้เขามาลองใช้บริการเราได้ง่ายขึ้น
ขณะเดียวกันนอกจากการให้บริการหลักที่เราโฟกัสในปัจจุบัน สิ่งที่กำลังทำเพิ่มเติมคือ การลงทุน หรือธุรกิจประกันต่างๆ ที่คาดว่าปีหน้าอาจเริ่มเห็นสิ่งใหม่ๆ จาก LINE BK มากขึ้น รวมถึงการจับมือกับพันธมิตรในการขยายบริการสินเชื่อให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้นอย่างที่ปีนี้ได้ร่วมกับดีแทค
สุดท้ายสิ่งที่ LINE BK อยากเห็นในปีข้างหน้า คือการเติบโตผู้ใช้บริการสู่ระดับ 5 ล้านบัญชี และยอดสินเชื่อคงค้าง 2 หมื่นล้านบาท และใน 4-5 ปี เราก็อยากขึ้นไปสู่ Top 5 ให้ได้ ซึ่งถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายและสนุกสำหรับ LINE BK อย่างมาก