2023 เทรนด์ในทรรศนะของ Omnicom Media Group
"Chaivut Eiamvuthikorn" General Manager, PHD Thailand เผยแพร่บทความเรื่อง "2023 เทรนด์ในทรรศนะของ Omnicom Media Group" โดยมีเนื้อหา ดังนี้
"สวัสดีอีกครั้งครับ หลังจากคราวที่แล้วได้นำเสนอหัวข้อเรื่อง การเตรียมตัวกลับมาทำการตลาดอีกครั้งหลังโควิด ซึ่งโลกหลังโควิดที่เผชิญกันอยู่ตอนนี้ก็ยังมีความผันผวนและน่ากังวลในหลายแง่มุม แต่ปัญหาทุกอย่างจะถูกจัดการได้ง่ายขึ้น ถ้ารู้ว่าเรากำลังจะเดินเข้าไปเจออะไรและเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับสิ่งเหล่านั้น เพราะฉะนั้นในครั้งนี้ จะขอนำเสนอ Trend 2023 จาก Omnicom Media Group เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำการตลาดในปีนี้ โดยดูที่สามประเด็นหลักๆ ที่เกี่ยวข้องกับคน ความรู้สึก และเทคโนโลยี
คนกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นที่มาของเทรนด์ Green Washing ไม่ว่าจะเป็นภาวะโลกร้อน ภาวะเรือนกระจก สิ่งแวดล้อม เราอยู่กับการรับรู้และรับมือกับหัวข้อเหล่านี้มาหลายปีแล้ว แต่ในช่วงปีที่ผ่านมานี้ ก็มีหลายอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและชัดเจนขึ้น ถ้ามองย้อนกลับไปเปรียบเทียบปี 2022 กับ 2021 ความเป็นห่วงในด้าน ภาวะโลกร้อน ของภูมิภาค มีเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยกว่า 7% ซึ่งประเทศไทยยังอยู่ในลำดับต้นๆ ของการจัดอันดับ
อย่างไรก็ตาม ความคิดกับการกระทำในหลายครั้งก็ไม่ได้สอดคล้องกันเสมอไป โดยเฉลี่ยความคิดและความเชื่อในเรื่องสิ่งแวดล้อม เปลี่ยนเป็นการกระทำได้ไม่ถึงครึ่งจากชาร์ตข้างบน หนึ่งในสาเหตุหลักมาจากต้นทุนในการดำรงชีวิตที่สูงขึ้นในสองปีที่ผ่านมา ที่มีส่วนทำให้ผู้คนต้องตัดสินใจซื้อสินค้าโดยคำนึงถึงราคาก่อน ทำให้ยอดขายสินค้ารักษ์โลกทั้งหลาย ลดลงโดยเฉลี่ย 3.4% ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา
ในเมืองไทยเองมากกว่าครึ่งของกลุ่มตัวอย่างคนไทยจาก GWI (Global Web Index) เห็นว่า เรื่องของสิ่งแวดล้อมนั้นมีความสำคัญ และยินดีที่จะซื้อและใช้สินค้าและบริการจากองค์กรที่มีภาพลักษณ์ที่ดี ดูแลเอาใจใส่พนักงาน และสังคม
ความรู้สึกเกิดจากการรับรู้จากโสตประสาทต่างๆ ของมนุษย์ เสียงคือหนึ่งในนั้น ซึ่งเป็นที่มาของเทรนด์ Sonic Branding ซึ่งถ้าแปลอย่างสั้นๆ ก็คือ Brand identity และ Asset ในรูปแบบของเสียง หากมองย้อนกลับไปในปี 2021 พบว่า มีถึง 94 แบรนด์จาก 250 แบรนด์ระดับโลกที่ใส่ Sound Effect ให้กับโลโก้ของตัวเอง
ยกตัวอย่างที่ทุกคนน่าจะจำได้เช่น เสียง "ทาดา" มากับโลโก้ของ Netflix หรือใกล้ตัวเข้ามาอีกกับเสียงเซนเซอร์ของประตู 7/11 ร้านสะดวกซื้อที่มีสาขาอยู่ทั่วเมืองไทย หลายๆ คนน่าจะจำเสียงประกอบที่มาพร้อมกับโลโก้บนงานโฆษณาเหล่านั้นได้ มีงานวิจัยหลายชิ้นบอกว่า เสียงสามารถกระตุ้นการรับรู้ในสมองของคนได้รวดเร็วกว่าภาพที่เห็น และโฆษณาที่ใช้เสียงประกอบบนตัวแบรนด์หรือโลโก้ ยังมีแนวโน้มที่จะได้รับความสนใจจากผู้ชมผู้ฟังมากกว่า 8.5 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับแบรนด์ที่ไม่ได้ใช้เสียงอีกด้วย
แต่แน่นอน สิ่งต่างๆ เหล่านั้นไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในชั่วข้ามคืน การสร้างความสนใจให้กับแบรนด์ผ่านการใช้เสียงนั้น อิมเมจของเสียง หรือโสตลักษณ์ที่ใช้ ควรจะเข้ากับบุคลิกของแบรนด์ และต้องผ่านการใช้อย่างต่อเนื่อง ใช้ในลักษณะหลากหลายบนแพลตฟอร์มโฆษณาที่แตกต่าง สามสิ่งสำคัญนี้ จะทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จในการสร้างความจดจำให้กับผู้บริโภค
เทคโนโลยี อำนวยความสะดวกสบายและพาผู้คนผ่านหลายยุคจนมาถึงปัจจุบัน Artificial Intelligence (AI) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งมีการพัฒนาให้ฉลาดมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ Chatbot ตัวแรกถือกำเนิดขึ้นในปี 1964
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราอยู่ในยุคสมัยที่ผู้คนต่างใช้ AI ในชีวิตประจำวันเป็นเรื่องปกติ เช่น การใช้โปรแกรมจดจำใบหน้า เพื่อปลดล็อกโทรศัพท์ไปจนถึงงานด้านความมั่นคงของหน่วยงานรัฐ เห็นการใช้ AI ในการช่วยทำงานทั้งด้านศิลปะอีกด้วย เช่น การประพันธ์ดนตรี การจัดวางรูปภาพต่างๆ โดยยังมีคำถามตามมาและยังอยู่ในระหว่างการหาคำตอบ เช่น ความฉลาดของ AI ควรจะมีข้อจำกัดไหม หรือแค่ไหนถึงจะไม่เกินเลยทางด้านศีลธรรม แล้วล่าสุดหลายคนก็คงได้เห็นการพัฒนาอีกขั้นของ AI ผ่านการเปิดตัวของ Chat GPT ที่ฉลาดและสามารถทำอะไรหลายๆ อย่าง เช่น การวางแผนการทำงาน การเขียนบทความ ให้คำอธิบาย และคำตอบกับมนุษย์ได้ในหลายๆ เรื่อง แต่คำถามในเรื่องของขอบเขต ระหว่างความฉลาด และความเหมาะสมถูกต้อง ตามศีลธรรมในสังคมก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม ทางด้านงานโฆษณา หลายๆ บริษัทใช้ AI ในการจำแนก วิเคราะห์ ประชากรอินเทอร์เน็ตเป็นเซ็กเมนต์ (กลุ่ม) ต่างๆ เพื่อการทำการตลาดที่เข้าหาคนได้มากขึ้นและแม่นยำขึ้น โดยใช้งบประมาณที่น้อยลง
ทั้งหมดนี้คือเทรนด์ที่มีความแนวโน้มที่จะมาหรือมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นในปีนี้ ซึ่งสินค้าและแบรนด์ต่างๆ ควรจะเตรียมตัวรับกับกระแสที่จะเข้ามา เพื่อที่จะสื่อสารกับลูกค้าของเราได้อย่างทันท่วงที ในยุคสมัยที่หลายๆ อย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วภายในชั่วพริบตา"