Food World เสิร์ฟเมนูอาหารยั่งยืน ตอบรับการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

ศูนย์อาหาร Food World ในกลุ่มบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เดินหน้ายกระดับศูนย์อาหาร "Food World" ทั้ง 22 สาขาในไทย ร่วมสนับสนุนแนวทางการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน
นายสุนทร จักรษุกรรฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีเอฟ เรสเทอรองท์ แอนด์ ฟู้ดเชน จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันศูนย์อาหาร Food World ทั้ง 22 สาขาในไทย มุ่งสู่การเป็นศูนย์อาหารชั้นนำที่มีร้านหลากหลาย ได้มาตรฐาน สะอาด และถูกสุขอนามัย เพื่อเป็น "ศูนย์อาหารที่คุณมั่นใจ" สำหรับลูกค้าทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันที่หันมาสนใจเมนูรักษ์โลกสู่ สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) โดยมีสาขาเรือธงที่ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพฯ (UN ESCAP) วางแนวทางการปฏิบัติที่ดีและเป็นต้นแบบการบริหารจัดการตามหลักการสากลอย่างครบวงจร
นายสุนทร กล่าวต่อว่า Food World สาขาศูนย์ประชุมสหประชาชาติ เน้นเสิร์ฟเมนูอาหารอย่างยั่งยืน (Sustainable Menu) อาทิ "ไก่เบญจาย่างตะไคร้" ใช้ผลิตภัณฑ์ไก่สดซีพีเอฟที่ได้รับฉลากลดโลกร้อน มีคาร์บอนฟุตพริ้นท์ต่ำกว่าเนื้อไก่ทั่วไปถึง 50% ช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ "กุ้งผัดไข่เค็ม" นำกุ้งระโนด ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในจังหวัดสงขลา ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่น และ "ผัดไทยกระทงทอง" ผักสดจากโครงการหลวง เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ชาวเขามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังส่งเสริมการจัดการขยะอาหารอย่างมีประสิทธิภาพ ตามหลัก เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) อาทิ นำเศษอาหารทำปุ๋ยใช้ในการเพาะปลูกพืชผัก เป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ น้ำมันพืชที่ใช้แล้วนำไปผลิตไบโอดีเซล ส่วนขยะประเภทพลาสติกและกระป๋องจะนำไปรีไซเคิลตามแนวทางที่เหมาะสม เพื่อดูแลสิ่งแวดล้อม และ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตามแนวทาง SDGs เป้าหมายที่ 12.3 ที่ต้องการลดขยะเศษอาหารของโลกลงครึ่งหนึ่งในระดับค้าปลีกและผู้บริโภค ภายในปี 2030
"Food World ส่งเสริมวิถีการกินแบบคาร์บอนต่ำ ด้วยเมนูอาหารยั่งยืนและการจัดการขยะอาหารอย่างมีประสิทธิภาพ โดยปีนี้เรามีนโยบายให้ Food World จัดหาวัตถุดิบสำหรับปรุงอาหารจากร้านค้าที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากศูนย์อาหาร เพื่อย่นระยะการขนส่งและมีแผนยกระดับการบริหารจัดการให้ทุกสาขามีการจัดเก็บขยะอย่างมีประสิทธิภาพ ภายในปี 2030 เพื่อบรรเทาผลกระทบจาก ภาวะโลกร้อน ตามที่ ซีพีเอฟ ได้ประกาศนโยบายด้านการสูญเสียอาหารและขยะอาหาร (Food Loss & Waste Policy) มุ่งสู่การสร้างความมั่นคงทางอาหารและลดขยะอาหารสู่หลุมฝังกลบให้เป็นศูนย์ (Zero Food Waste)" นายสุนทร กล่าว
นายสุนทร กล่าวเพิ่มเติมว่า รูปแบบการจัดการขยะอาหารที่ศูนย์อาหาร Food World สาขาศูนย์ประชุมสหประชาชาติ แยกขยะออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่ กระป๋อง, พลาสติก, กระดาษ, แก้ว, เศษเนื้อสัตว์และเศษผักผลไม้ จากนั้นจะชั่งน้ำหนักแบบแห้งและน้ำมันที่ใช้แล้วจะใส่ในบรรจุภัณฑ์ เพื่อมอบให้กับ UN ESCAP นำไปใช้ประโยชน์ต่อเป็นพลังงานทางเลือก (Alternative Fuel) โดยจัดการด้านขยะอาหารอย่างเป็นระบบเพื่อเอื้อต่อการนำวัสดุที่ใช้งานไม่ได้แล้ว นำกลับมาผลิตใหม่ (Recycle) และใช้วัสดุจากผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ถูกใช้งานแล้ว เพื่อสร้างสิ่งใหม่ (Upcycle) อาทิ การจัดเก็บขยะต่างๆ โดยเฉลี่ยประมาณ 800 กิโลกรัมต่อปี หรือน้ำมันที่ใช้แล้ว 6,300 ลิตรต่อปี ที่จะนำไปผลิตเป็นไบโอดีเซล ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวทางสำคัญที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว และ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ล่าสุด Food World ได้ร่วมงานนิทรรศการ 79th Commission Session of ESCAP เพื่อแสดงความมุ่งมั่นการดำเนินธุรกิจสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ พร้อมส่งเสริมความร่วมมือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของผู้ที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน ซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพฯ (UN ESCAP)
Food World สาขาศูนย์ประชุมสหประชาชาติ เปิดให้บริการห้องอาหารนานาชาติ ทั้งอาหารไทย จีน ยุโรป เอเชีย และอื่นๆ พร้อมให้บริการจัดเลี้ยงครบวงจรระดับสากลสำหรับงานประชุมและอีเวนต์สำคัญ ปัจจุบันศูนย์อาหาร Food World มีทั้งหมด 22 สาขาทั่วประเทศไทย อาทิ สาขาโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ สาขาศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ สาขาศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา แจ้งวัฒนะ (อาคาร B) สาขาสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (อาคาร CP ALL Academy) สาขาอาคารปิยชาติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต สาขาโรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ สาขาโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย (อาคาร ส.ธ.) เป็นต้น







