เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดตัวรถ 4 รุ่นจาก 4 แบรนด์ ในงานปักกิ่ง ออโตโชว์ ครั้งที่ 18

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดตัวรถ 4 รุ่นจาก 4 แบรนด์ ในงานปักกิ่ง ออโตโชว์ ครั้งที่ 18

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดตัวรถ 4 รุ่นจาก 4 แบรนด์ ประกาศความสำเร็จสู่เส้นทางระดับโลก ผ่านแนวคิดระบบนิเวศยานยนต์บนโลกที่ไร้พรมแดน ณ งานปักกิ่ง ออโตโชว์ ครั้งที่ 18

มร.มู่ เฟิง ประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ กล่าวว่า เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยืนยันที่จะพัฒนาสู่ระดับโลกโดยยึดรากฐานจากประเทศจีน ควบคู่ไปกับการพัฒนาให้สอดคล้องกับตลาดต่างประเทศ เรายังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนากลยุทธ์การส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ เปลี่ยนแนวคิดจากการส่งออกสินค้า เป็นการค้าต่างประเทศ พร้อมพัฒนาต่อยอดสู่แนวคิดระบบนิเวศยานยนต์บนโลกที่ไร้พรมแดน ยิ่งไปกว่านั้นเรายังคงยึดมั่นในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ในตลาดแต่ละประเทศ ไม่ว่าจะเป็นด้านการส่งเสริมการขาย ด้านการผลิต ด้านการดำเนินธุรกิจ ด้านวัฒนธรรมองค์กร และด้านการสร้างห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่มีคุณภาพในระดับโลก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ทำการพัฒนาในตลาดต่างประเทศมามากกว่า 20 ปี จนถึงจุดสำเร็จ และได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์คุณภาพภายใต้แบรนด์อย่างเช่น GWM TANK และ GWM ORA ในตลาดต่างประเทศ สะท้อนผลสำเร็จของแนวคิดระบบนิเวศยานยนต์บนโลกที่ไร้พรมแดนได้อย่างมีนัยสำคัญ”

ในงาน ปักกิ่ง ออโตโชว์ ครั้งที่ 18 นี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ขนทัพรถยนต์อัจฉริยะหลากหลายรุ่น พร้อมไฮไลต์พิเศษรวม 4 รุ่น และนวัตกรรมยานยนต์สุดล้ำมาจัดแสดง สะท้อนภาพความเป็นผู้นำด้านยนตรกรรมไฟฟ้าแห่งอนาคต 

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดตัวรถ 4 รุ่นจาก 4 แบรนด์ ในงานปักกิ่ง ออโตโชว์ ครั้งที่ 18

ประเดิมด้วยการเปิดตัว GWM TANK 700 Hi4-T รถออฟโรดระดับพรีเมียม ด้วยเทคโนโลยีไฮบริดขั้นสูงเพื่อสร้าง "ความพึงพอใจของผู้ขับขี่ในทุกเส้นทาง" สู่ความโดดเด่นและแตกต่างเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ไฮบริดอื่นๆ ในระดับโลก ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของนักผจญภัยสายลุยและไลฟ์สไตล์ของผู้ที่ใช้ชีวิตในเมืองได้อย่างตรงจุด ด้วยขนาดที่ยาวกว่า 5 เมตร และกว้างมากกว่า 2 เมตร 

นอกจากนั้นยังมาพร้อมระบบการขับเคลื่อนสี่ล้อ 3.0T Hi4-T ที่สามารถรองรับพละกำลังของรถยนต์ไฮบริดขนาดใหญ่ ร่วมด้วยการผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์หลายสูบที่มีความจุสูงและมอเตอร์ไฟฟ้า P2 ที่มีพลังงานสูง ให้กำลังรวมสูงสุด 385 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร (850 นิวตันเมตร สำหรับรุ่น Limited Edition) และอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลาไม่ถึง 5 วินาที อีกทั้งยังมาพร้อมกับโหมดการขับขี่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทุกเส้นทางมากถึง 12 โหมด และสามารถลุยน้ำได้สูงสุดถึง 970 มิลลิเมตร 

นอกจากสมรรถนะที่โดดเด่นแล้ว ภายในของรถยังถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่อย่างหรูหราและเหนือระดับ เบาะนั่ง Light Cloud ทำจากหนัง BADER  NAPPA จากเยอรมนี มุมกว้างพิเศษ ออกแบบให้เข้ากับสรีระของร่างกายเพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่ราวกับนั่งบนปุยเมฆ เบาะด้านหน้าสามารถปรับระดับได้ถึง 156 องศา และ 141 องศาสำหรับเบาะด้านหลัง ที่วางขาสามารถปรับได้ 2 ทิศทาง ที่ดันหลังปรับได้ 4 ทิศทาง ระบบระบายอากาศของเบาะปรับได้ 3 ระดับ พร้อมระบบปรับอากาศ 9 ระดับ ร่วมกับระบบเสียงจาก Harman Kardon ที่มาพร้อมลำโพง 16 ตัวที่สร้างความละเอียดเสียงระดับ Hi-Fi (High Fidelity) ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้ก้าวไปอีกขั้น ผ่านทุกรายละเอียดที่สร้างสรรค์ไว้อย่างประณีตในทุกแง่มุม นอกจากนี้ยังมีระบบเก็บเสียงที่มีประสิทธิภาพสูงด้วยการผนึกประตูข้างถึง 3 ชั้น และประตูด้านหลังถึง 2 ชั้น พร้อมกับกระจกที่ป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกหนา 5 มิลลิเมตร ทำงานร่วมกับระบบลดเสียงของ Harman Kardon ทำให้ห้องโดยสารเงียบแม้จะขับขี่ที่ความเร็วสูงถึง 199 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ตาม

GWM SAHAR POER Hi4-T กับคำนิยาม "รถกระบะออฟโรดขุมพลังไฮบริดระดับไฮเอนด์ลักชัวรีคันแรกของโลก" มาพร้อมกับ GWM Hi4-T Off-road Super Hybrid Architecture ที่พัฒนาโดย เกรท วอลล์ มอเตอร์ เทียบเท่ากับรถยนต์แบรนด์หรูที่ระดับราคา 8 แสนหยวน (ประมาณ 4 ล้านบาท) ขึ้นไป เป็นการผสมผสานทั้งพลังงานน้ำมันและพลังงานไฟฟ้าเข้าไว้ด้วยกันด้วยเครื่องยนต์ที่มีเสถียรภาพและมอเตอร์ที่มีความแข็งแกร่ง จึงมอบพละกำลังและอัตราเร่งที่ดีเยี่ยมทั้งบนการขับขี่ทางเรียบและออฟโรด ร่วมกับการลดการใช้พลังงานน้ำมันและพลังงานไฟฟ้าถึงสองเท่า นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบส่งกำลังที่ประกอบด้วยเครื่องยนต์ 2.0T เกียร์ 9HAT และมอเตอร์ไฟฟ้า P2 ให้กำลังรวมสูงสุด 300 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร และอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 7.15 วินาที ร่วมกับโหมดการขับขี่ถึง 3 โหมด ได้แก่ โหมดไฟฟ้าล้วน โหมดไฮบริด และโหมดอัจฉริยะ โดยเมื่อระดับแบตเตอรี่อยู่ต่ำกว่า 13.5% ระบบจะเปลี่ยนเป็นไฮบริดโดยอัตโนมัติ และเมื่ออยู่ในระบบไฮบริดและแบตเตอรี่ต่ำกว่า 10% รถจะเปลี่ยนเป็นการขับเคลื่อนเป็นเครื่องยนต์โดยอัตัโนมัติและทำการชาร์จพลังงานเข้าแบตเตอรี่

ไม่เพียงเท่านั้นยังสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนในระยะสูงถึง 100 กิโลเมตร โดยในการขับขี่ทางไกล อัตราการสิ้นเปลืองพลังงานจะมีประสิทธิภาพมากถึง 2.5 ลิตรต่อ 100 กิโลแมตรเลยทีเดียว โดยสามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดถึง 780 กิโลเมตร อีกทั้งมีการใช้มอเตอร์ไฟฟ้า P2 ที่สามารถให้กำลังสูงสุด 120 กิโลวัตต์ต่อ 400 นิวตันเมตร ให้ประสิทธิภาพมากกว่า 96% ไม่ว่าจะอยู่ในภาวะแรงกดอากาศสูงและอุณหภูมิต่ำ สู่การยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมรถกระบะไปอีกขั้นให้แตกต่างไปจากเดิม

ต่อด้วยรถยนต์ที่สามารถครองอันดับยอดขายทั่วโลกอยู่ใน 10 อันดับแรกในกลุ่มรถยนต์คอมแพคเอสยูวีเป็นระยะเวลา 5 ปีซ้อน และยังคงรักษาความพึงพอใจของลูกค้าได้สูงสุดเป็นเวลา 9 ปี อีกทั้งยังได้รับความไว้วางใจและกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้ามากกว่า 4 ล้านรายทั่วประเทศอย่าง GWM HAVAL H6 รถยนต์เอสยูวีที่สามารถเข้ากับสถานการณ์ได้อย่างหลากหลายและสามารถมอบประสบการณ์ครบวงจรสำหรับการเดินทางของครอบครัวของคนรุ่นใหม่ได้อย่างลงตัว

สำหรับ GWM HAVAL H6 ในเจเนอเรชัน 4 นี้ ได้รับการเปลี่ยนโฉมใหม่ภายใต้คอนเซปต์ "Star River Aesthetics" หรือความพลิ้วไหวของสายน้ำและดวงดาว แต่ยังคงนำความโดดเด่นของรถยนต์ในเจนเนอเรชันที่ 3 ไว้ได้อย่างครบถ้วน มอบความสวยงาม สะดวกสบาย และความสุนทรีแห่งอนาคตให้กับผู้ขับขี่ตลอดทั้งเส้นทาง ด้วยเทคโนโลยีที่ทรงพลังกว่าเดิมด้วยระบบส่งกำลัง 2 ระบบ ได้แก่ 1.5T และ 2.0T โดยระบบส่งกำลัง 1.5T ใช้เครื่องยนต์ 4B15L ทำงานร่วมกับเกียร์ 7DCT ที่ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงที่ดีขึ้น ส่วนระบบส่งกำลัง 2.0T ใช้เครื่องยนต์ทรงพลัง 4N20A ทำงานร่วมกับเกียร์ 9DCT ขับเคลื่อนสี่ล้อที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะของ BorgWarner พร้อมการขับขี่ 6 โหมด และมีระบบตอบสนองหลายภูมิประเทศ โดย GWM HAVAL H6 มีพละกำลังที่มากขึ้น ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงยิ่งขึ้น ด้านเทคโนโลยีมาพร้อมแพลตฟอร์มอัปเกรดจาก Coffee Intelligence เป็น "Coffee AI" ที่เพิ่มความสะดวกสบายและให้ผู้ขับขี่สามารถสนทนากับระบบได้อย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึง Coffee Pilot ที่จะปรับเปลี่ยนตามลักษณะการท่องเที่ยวของผู้ขับขี่ในรูปแบบต่างๆ สร้างการขับขี่ที่มีความอัจฉริยะและประสบการณ์ที่เหนือชั้นให้กับทุกคนในครอบครัว

ปิดท้ายกับ GWM WEY 80 ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้กลุ่มครอบครัวได้อย่างครอบคลุมและมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่จะมอบความรู้สึกเหมือนกับบ้านหลังที่สองให้กับผู้ขับขี่ การออกแบบภายในที่รองรับสรีระของผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้เป็นอย่างดีเพื่อสร้างความผ่อนคลายและการพักผ่อนทั้งทางร่างกาย และทางจิตใจให้กับทุกคนในครอบครัว นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับตู้เย็นขนาดใหญ่สองประตูภายในรถยนต์ โดดเด่นมากยิ่งขึ้นด้วยประตูตู้เย็นที่สามารถเปิดได้ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง ร่วมกับระบบควบคุมอุณหภูมิสองโหมด ได้แก่ โหมดทำความเย็น (0-15 องศาเซลเซียส) และโหมดทำความร้อน (35-50 องศาเซลเซียส) มาพร้อมปริมาณความจุที่ให้มาถึง 12.5 ลิตร มอบความสะดวกสบายแบบเหนือระดับยิ่งกว่าใคร อีกทั้งระบบเสียง Harman Kardon ที่มาพร้อมลำโพงรอบทิศทางมอบประสบการณ์เสียงในรูปแบบใหม่ๆ เสมือนกับนั่งฟังในโรงละครโอเปร่า

นอกจากนี้ยังมอบความเงียบในห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี เมื่อความเร็วอยู่ที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เสียงห้องโดยสารจะถูกควบคุมอยู่ที่ 65 เดซิเบล ควบคู่กับเทคโนโลยีลดเสียงรบกวนของเครื่องยนต์ (HALOSonic EOC) ให้ตลอดทั้งเส้นทางไร้ซึ่งสิ่งรบกวนสู่ประสบการณ์การขับขี่ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังมาพร้อมกับเครื่องฟอกอากาศระบบพลาสมา ระบบทำความสะอาดอากาศในห้องโดยสารอัจฉริยะ Volvo Air Quality System (AQS) และม่านบังแดดสำหรับแถวที่ 2 และ 3 อีกด้วย นับว่าเป็นรถยนต์ที่มอบความสะดวกสบายผ่านเทคโนโลยีเหนือระดับได้อย่างลงตัว