อสังหาฯเชื่อ ปี 66 ฟื้นตัวมูลค่าตลาด 4.5 แสนล้าน
มหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 42 คึกคัก รับสัญญาณบวกเชื่อปี 66 ฟื้นตัว นายกคอนโด ระบุ ผลจาก LTR - ปลดล็อคต่างชาติซื้อบ้าน-ที่ดินหนุนตลาดอสังหาฯปีหน้าคาดมูลค่า 4.5 แสนล้าน ดันจีดีพีโต เล็งขอรัฐขยายเพดานราคาบ้าน BOI 1.4 ล้านแนะลูกค้ารีบตัดสินใจซื้อก่อนปีหน้าราคาขึ้น 10%
นายพีระพงศ์ จรูญเอก นายกสมาคมอาคารชุดไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมอสังหาฯ ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ดี คาดจะเติบโตได้ 15% จากปีที่ผ่านมาทั้งบ้านและคอนโดฯ และจะต่อเนื่องไปถึงปี 2566 ที่ประเมินว่าตลาดจะมีมูลค่ารวม 450,000 ล้านบาท เท่ากับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19
“ภาพรวมอสังหาฯ กลับมาคึกคักขึ้น สังเกตได้จากการเข้ามาร่วมงานของผู้ประกอบการในงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 42 ที่มีจำนวนมากหลังจากไม่ได้จัดมา 3 ปี เพราะเกิดสถานการณ์โควิด”
ท่องเที่ยว-ปลดล็อคต่างชาติดันตลาด
ทั้งนี้การกลับมาฟื้นตัวมาจากปัจจับบวกหลายอย่าง รวมถึงการกลับเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมทั้งผลรับจากนโยบายวีซ่าผู้พำนักระยะยาว (LTR) 10ปีและการปลดล็อคให้ต่างชาติซื้อบ้านและที่ดินไม่เกิน 1 ไร่ แลกลงทุน 40 ล้านบาท โดยต้องลงทุนไม่น้อยกว่า 3 ปี และหากประเทศจีนเปิดประเทศในปีหน้าจะเป็นแรงผลักที่สำคัญในการหนุนให้ตลสดอสังหาฯฟื้นกลับมาเหมือนเดิมได้เร็วขึ้น
ทั้งนี้คาดว่าจะระยะเวลา 2-3 เดือนจากนี้จะมีผลทางปฎิบัติ โดยเฉพาะกลุ่มบ้านราคาตั้งแต่ 10-20 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดที่เหมาะกับกลุ่มนักลงทุนที่มีเงินมาลงทุน 40 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นโยบายที่ดีในการดึงการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ กองรีทต่างๆ ประเมินว่าหนึ่งครอบครัวจะสร้างรายได้ใหม่ให้กับประเทศไทย เฉลี่ย 80 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 10 ปี
“หากคนต่างชาติเข้ามาเมืองไทย 1 ล้านครอบครัวตามที่รัฐบาลตั้งเป้า เท่ากับว่า ประเทศไทยจะมีรายได้จากคนกลุ่มนี้ มูลค่า 80 ล้านล้านบาท กลายเป็นจีดีพีใหม่ที่เข้ามา”
ในส่วนของคอนโดฯ ปัจจุบันต่างชาติสามารถซื้อได้อยู่แล้วไม่เกิน 49% แต่เชื่อว่า ตลาดคอนโดฯ จะพลิกกลับมาจากการเปิดประเทศของประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย โดยปัจจุบันฮ่องกงที่เป็นท็อป 3 ก็เริ่มกลับมาแล้ว ขณะที่ประเทศจีนอาจเปิดประเทศในต้นปีหน้า ก็จะทำให้ตลสาดรีสอร์ท คอนโดฯ โดยเฉพาะภูเก็ต พัทยา คึกคัก
ขณะที่ตลาดรัสเซียเริ่มกลับมาค่อนข้างมาก ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะในประเทศมีปัญหาสงคราม จึงอยากมาอยู่เมืองไทย นอกจากนี้ยังมีสิงคโปร์ ยุโรป และไต้หวัน อีกด้วย
ปัจจุบัน สัดส่วนของลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาซื้ออสังหาฯ ในประเทศไทย ประมาณ 5-7% ซึ่งต่ำกว่าก่อนหน้านี้่ที่เคยมีสัดส่วนสูงสุดอยู่ที่ 20% ในปี 2561 แต่คาดว่าปีหน้าจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาเป็น 10% ซึ่งจะเป็นแรงหนุนสำคัญผลักดันตลาดอสังหาฯ และภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ
ขอรัฐต่ออายุมาตรการกระตุ้น
อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมต้องการให้ภาครัฐต่อมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอน จดจำนอง บ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ที่จะสิ้นสุดลงใน 31 ธ.ค.นี้ พร้อมทั้งขยายถึงระดับราคา 5 ล้านบาท รวมถึงผ่อนคลายหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (มาตรการ LTV) โดยให้กู้ได้เต็มมูลค่าหลักประกัน จะสิ้นสุดลงในปีนี้เช่นกัน รวมถึงการขยายเพดานราคาขายบ้าน BOI เป็น 1.4 ล้านบาท จากเดิม 1.2 ล้านบาท เพื่อรองรับกำลังซื้อคนรุ่นใหม่ ช่วยกระตุ้นตลาด รวมถึงอยากให้ลดภาษีที่ดินอีกด้วย เพราะจะเป็นการกระตุ้นภาคอสังหาฯ ที่มีผลในการช่วยกระตุ้นจีดีพีได้ถึง 10%
นายพีระพงศ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของออริจิ้น ได้นำ 20 โครงการเข้าร่วมออกบูธในงานมหกรรมบ้านเเละคอนโด ครั้งที่ 42 ในระหว่างวันที่ 27 - 30 ต.ค.2565 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยวางเป้าหมายยอดขายภายในงาน 4 วัน 600 ล้านบาท หรือมียอดขาย 150 ล้านบาทต่อวัน
ปีหน้าปรับราคารับต้นทุนใหม่
นายชัยรัตน์ ธรรมพีร ประธานคณะกรรมการจัดงาน กล่าวว่า งานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งนี้เป็นการกลับมาอีกครั้งของงานแสดงสินค้าที่อยู่อาศัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศในรอบ 3 ปี โดยทาง 3 สมาคมผู้จัดงานยังได้รับความร่วมมือทั้งจากดีเวลลอปเปอร์ สถาบันการเงิน เอเจนซี และเหล่าแบรนด์สินค้าด้านอสังหาฯ และก่อสร้าง มากกว่า 200 ราย ให้การตอบรับเข้าร่วมเปิดบูธเต็มพื้นที่ โดยภายในงานฯ จะมีโครงการให้ผู้สนใจได้เลือกช้อปมากกว่า 1,000 โครงการ คิดเป็นคอนโดมิเนียม 32.8% บ้านเดี่ยว 19.7% ทาวน์เฮ้าส์ 16.4% และอื่นๆ ที่สำคัญ เหล่าดีเวลลอปเปอร์ยังช่วยกันตรึงราคาสินค้า ไม่ปรับราคาตามอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องในปัจจุบัน ทั้งยังได้เตรียมโปรโมชั่นพิเศษที่ดีที่สุดของปีมานำเสนอให้กับผู้เข้าชมงานครั้งนี้
“3 สมาคมเชื่อว่างานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 42 ที่จัดขึ้น 4 วัน จะได้รับการตอบรับอย่างดี มีผู้มาร่วมงานราว 1 แสนคน เพราะตลาดอสังหาฯ ในช่วงปลายปีนี้ได้ส่งสัญญาณการฟื้นตัวและกลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้ง ทั้งนี้คาดการณ์ว่ามูลค่าซื้อขายภายในงานอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยยอดขายสินค้าคิดเป็นจำนวนยูนิตและมูลค่า จะเป็นโครงการแนวดิ่งราว 40% และแนวราบ 60%”
นายวสันต์ เคียงศิริ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ช่วงนี้ถือเป็นโอกาสสุดท้ายของผู้ที่ต้องการซื้อบ้าน คอนโดในราคาต้นทุนเดิม ก่อนที่คาดว่าช่วงไตรมาส 2 ปี 2566 โครงสร้างราคาจะปรับขึ้น 10% จาการปรับขึ้นของต้นทุนราคาวัสดุ การก่อสร้าง แรงงาน น้ำมัน รวมทั้งภาวะเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้ต้นทุนการพัฒนาโครงการขยับขึ้นมาตั้งแต่ต้นปีนี้ แต่ที่ยังไม่ปรับราคาขึ้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะกำลังซื้อของลูกค้าลดลงหากปรับราคาจะขายได้ แต่ในปีหน้าคงปรับราคา
เอสซีฯเปิดบูธครั้งแรก รับตลาดฟื้น
นายณัฎฐกิตติ์ ศิริรัตน์ หัวหน้าสายงานการตลาด บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าาว่า เป็นครั้งแรกที่บริษัทนำโครงการมาร่วมออกบูธในงานมหกรรมบ้านและคอนโด เพราะต้องการประกาศให้ผู้บริโภครู้จักบริษัทมากขึ้น เป็นการเฉลิมฉลองสู่ปีที่ 20 ในปี 2566 ประกอบกับสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ จึงต้องการประกาศถึงความพร้อมของตัวเองด้วยเช่นกัน
โดยบริษัทได้นำโครงการกว่า 40 โครงการเข้าร่วมพร้อมกับจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการตลาดโดยบริษัทวางเป้าหมายยอดขายภายในงานไว้ที่ 500 ล้านบาท