"ประทีป​ ตั้งมติธรรม" หนุนรัฐดึงต่างชาติซื้อบ้าน คอนโด กระตุ้นเศรษฐกิจฟื้น

"ประทีป​ ตั้งมติธรรม" หนุนรัฐดึงต่างชาติซื้อบ้าน คอนโด กระตุ้นเศรษฐกิจฟื้น

"ประทีป​ ตั้งมติธรรม" หนุนมาตรการดึง "ชาวต่างชาติ" ซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียม ระบุ "ยิงนกทีเดียวได้​ 3 ตัว"​ เหมือนส่งเสริมการส่งออก ลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจ​ท่องเที่ยว

นายประทีป​ ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มาตรการส่งเสริมชาวต่างชาติ​เฉพาะกลุ่มให้มีสิทธิ์​ซื้อ​บ้าน-ที่ดินไม่เกิน​ 1 ไร่​ในเขตเมือง​ เริ่มร้อนแรง​ มีการถกเถียงกันมาก​ขึ้นๆ​ และระบุว่า​ คือ​ “ขายชาติ”

เมื่อมีคนค้านมากๆ เข้า​ ก็มีคนเสนอให้หาทางถอย ด้วยการปรับเปลี่ยนจากยอมให้ชาวต่างชาติ “ถือกรรมสิทธิ์” ​เป็น​ “การเช่าระยะยาว” ไม่เกิน​ 30 ปีแทน เพราะ​ “การเช่า” จะเรียกว่า “ขาย” ไม่ได้

ส่วนการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวระยะสั้นนั้น​ คนไทยเกือบทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ​ทำให้คนไทยมีงานทำมากขึ้น​ มีรายได้ดีขึ้น

ขณะเดียวกัน​ คนไทยซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร​ จึงรักผืนแผ่นดินมาก​ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้

ความคิดดังกล่าวข้างต้น​ จาก​การขาย การเช่า​ระยะยาว และการท่องเที่ยวระยะสั้น​ ทั้ง 3 กรณี​ ถ้านำมาประมวล​และเปรียบเทียบเป็นตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ​ จะเป็นดังนี้...

-ถ้ามีชาวต่างชาติจะแต่งงานกับ​คนไทยตลอดชีวิต​ และคนไทยยอมแต่งด้วย​ จะถูกสรุปว่า​ “ขายชาติ”

-แต่ถ้าเขาขอแต่งงานด้วยระยะยาวไม่เกิน ​30 ปี​ จะมีผู้รู้สึกว่า​น่าจะยอมรับได้

-แต่ถ้าเขาขอแต่งด้วยไม่กี่วัน​ โดยจ่ายค่าตอบแทนตามที่เราต้องการ​ เราก็ถือว่าไม่น่าจะเสียหายอะไร

กระนั้นหรือ?

ถ้าชาวต่างชาติซื้อบ้าน-ที่ดิน ​1 ไร่ ในราคา ​40 ล้านบาท​ จะเทียบเท่านักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาใช้จ่ายคนละ​ 50,000 บาท จำนวน​ 800 คน

หรือถ้าซื้อคอนโดราคา ​10 ล้านบาท จะเทียบเท่านักท่องเที่ยวที่ใช้จ่าย ​50,000 บาท จำนวน​ 200 คน

บางคนคิดว่า​การยินยอมให้ชาวต่างชาติซื้อที่ดินได้​ไม่เกิน ​1 ไร่ ​จะก่อให้เกิดการเก็งกำไร ​ทำให้ที่ดินราคาแพงจนคนไทยซื้อไม่ไหว​

ที่จริง​ “การเก็งกำไร” นั้น​ ประเทศไทยเราเปิดกว้างมานานแล้ว​ ให้ชาวต่างชาติทั่วโลกเข้ามาลงทุนหรือเก็งกำไร​ในตลาดหลักทรัพย์​ โดยยกเว้นการเสียภาษีเงินได้​ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลก​

อนึ่ง​การลงทุนในหุ้นหรือหลักทรัพย์​ ใช้เงินลงทุนเพียงหลักหมื่นก็ทำได้​ อีกทั้งสภาพคล่องการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์​ก็สูงกว่าและดีกว่าอสังหา​ริมทรัพย์มาก​ กล่าวคือ​ ถ้าต้องการขายหลักทรัพย์​จะสามารถขายได้เกือบทุกวัน​ แต่ถ้าจะขายที่ดิน​ส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาเป็นเดือน

ดังนั้น​ชาวต่างชาติถ้าต้องการเก็งกำไรในประเทศไทย​เขามีทางเลือกที่ดีกว่าง่ายกว่าการเก็งกำไรที่ดิน​ ก็คือ​ตลาดหลักทรัพย์​ นั่นเอง​ หรืออาจจะหันไปเก็งกำไรเงินตราในสถานการณ์​ที่เอื้ออำนวย

“ผมจึงไม่คิดว่า​ชาวต่างชาติจะแห่กันมาซื้อบ้าน-ที่ดินมาก อย่างที่พวกเราหลายคนเป็นห่วง​ เพราะตั้งแต่ถูกจำกัดด้วยคน​ 4 กลุ่มที่เป็นประโยชน์​ต่อเศรษฐกิจ​ซึ่งได้แก่ ​ผู้มีรายได้สูง​ คนเกษียณ​ ผู้เชี่ยวชาญ​ และผู้ที่ประสงค์พำนักเพื่อทำงาน”

“ผมยังเชื่อว่าชาวต่างชาติส่วนใหญ่จะนิยมซื้อคอนโดหรือห้องชุดที่ประเทศไทยเปิดโอกาสให้ซื้อได้มานานแล้ว​ โดยจะซื้อมูลค่ากี่ร้อยล้านก็ได้โดยไม่จำกัดด้วยขนาดหรือราคาของห้องชุด​ เพียงแต่ต้องไม่เกินร้อยละ ​49 ของแต่ละอาคารชุด​ ส่วนที่เหลือจะถือกรรมสิทธิ์​โดยคนไทยร้อยละ ​51”

เหตุผลที่ชาวต่างชาติจะนิยมคอนโดมากกว่า​ เพราะคอนโดมักมีทำเลใจกลางเมืองที่เดินทางสะดวกและใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากกว่า

ถ้าพิจารณาให้ถ่องแท้แล้ว​ การส่งเสริมให้ชาวต่างชาติให้มาซื้อบ้านหรือคอนโดในประเทศไทย​ จะเปรียบเสมือนมาตรการ "ยิงนกทีเดียวได้​ 3 ตัว"​ คือ

1.เป็นการส่งเสริมการส่งออกโดยสินค้านั้นยังคงอยู่ในประเทศไทย

2.เป็นการส่งเสริมการลงทุนที่เราได้เงินตราเข้าประเทศ​ กระตุ้นเศรษฐกิจ​ทำให้คนไทยมีรายได้ดีขึ้น

3.เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างถาวร​ เพราะเขาจะอยู่นานมากขึ้น​และมาบ่อยๆ​ ช่วงที่อยู่ก็ต้องจับจ่ายใช้สอยต่างๆ

“เมื่อชาวต่างชาติมาซื้อบ้านหรือคอนโด​แต่ละรายเทียบเท่านักท่องเที่ยวหลายร้อยคนแล้ว ​การส่งเสริมให้อยู่ระยะยาวจะดีกว่าการส่งเสริมให้อยู่ระยะสั้นๆ หรือไม่” นายประทีปกล่าว