ยอดโอนคอนโด8เดือนจีนซื้อสูงสุดมูลค่า1.5หมื่นล้าน

ยอดโอนคอนโด8เดือนจีนซื้อสูงสุดมูลค่า1.5หมื่นล้าน

โจนส์ แลงฯ เผยยอดโอนคอนโด8 เดือน 5.8หมื่นยูนิต คิดเป็นมูลค่า 1.5แสนล้าน คิดเป็นสัดส่วนต่างชาติ10% โดยคนจีนซื้อสูงสุดมูลค่า1.5หมื่นล้านเฉลี่ยยูนิตละ5 ล้านบาทขณะที่อเมริกา ฝรั่งเศส รัสเซีย อังกฤษ ไต้หวัน ออสเตรเลีย อินเดีย กัมพูชา เมียนม ซื้อราคาต่อยูนิตมูลค่ากว่า 15 ล้าน

นางสุพินท์ มีชูชีพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์(ประเทศไทย)จำกัด   กล่าวในงานสัมมนา “ผ่ากลยุทธ์ธุรกิจคอนโดมิเนียม ปี 2023”ว่า  ปัจจุบันซัพพลายคอนโดอยู่ที่ 770,000 ยูนิต คาดว่าปี 2568 จะอยู่ที่ 876,000 ยูนิต เพิ่มขึ้น 13%  โดยในช่วง 8 เดือนของปี 2565 ที่ผ่านมา มียอดโอน58,078 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 150,683 ล้านบาท เป็นสัดส่วนต่างชาติ 10%  จำนวน 5,800 ยูนิต มีมูลค่า 30,000 ล้านบาท เป็นชาวจีนซื้อมากสุดคิดเป็นสัดส่วน 50% คิดเป็นมูลค่า15,000 ล้านบาทเฉลี่ยราคาที่ซื้อยูนิตละ 5 ล้านบาท 


“ 3 ไตรมาสปี 2565 ที่ผ่านมา ชาวจีนก็ยังซื้อมากที่สุด มูลค่า 15,000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยประมาณ 5 ล้านบาทต่อยูนิต โดยนักธุรกิจชาวจีน ส่วนใหญ่ชอบที่อยู่อาศัยรูปแบบเพนท์เฮาส์ ที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ขนาดตั้งแต่ 150-300 ตารางเมตร แต่เมื่อเทียบจากชาติอื่นอย่างอเมริกา ฝรั่งเศส  รัสเซีย  อังกฤษ ไต้หวัน ออสเตรเลีย อินเดีย กัมพูชา เมียนมา ซื้อราคาต่อยูนิตมูลค่ากว่า 15 ล้านบาท แต่จำนวนยูนิตจะน้อยกว่าชาวจีน ”

ยอดโอนคอนโด8เดือนจีนซื้อสูงสุดมูลค่า1.5หมื่นล้าน

นางสุพินท์ กล่าวต่อว่า ในส่วนที่อยู่อาศัยที่เป็นรูปแบบพูลวิลล่าพบว่า ชาวรัสเซีย สนใจซื้อเป็นอันดับ 1 โดยเป็นพูลวิลล่า ราคา 17-35 ล้านบาท ขนาด 3-5 ห้องนอน , ชาวจีน ซื้อพูลวิลล่า 17-35 ล้านบาท ขนาด 3-5 ห้องนอน  ซึ่งตรงนี้มีดีมานด์และการแข่งขันสูง

ยอดโอนคอนโด8เดือนจีนซื้อสูงสุดมูลค่า1.5หมื่นล้าน

อย่างไรก็ตามสถานการณ์คอนโดมิเนียมช่วงก่อนโควิด ปี 2562  สภาพตลาดโดนแตะเบรก! เพราะอยู่ในภาวะโอเวอร์ซัพพลาย ทำให้ดีเวลลอปเปอร์หันไปพัฒนาธุรกิจในเซ็กเมนต์อื่น อาทิ โรงแรม อาคารสำนักงาน โลจิสติกส์ รีเทล ศูนย์การค้า 

"ตั้งแต่ก่อนโควิดผู้ประกอบการขยายไลน์ธุรกิจมากขึ้น  เพราะรู้ว่าธุรกิจที่อยู่อาศัยจะเกิดภาวะตลาดวาย ยิ่งเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการแอลทีวี ทำให้ดีมานด์จากการเก็งกำไรหายไป และเมื่อเข้าสู่วิกฤติโควิดเกิดการล็อกดาวน์ซัพพลายคอนโดมิเนียมก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น"
 

ปัจจุบันมีซัพพลายคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ จำนวน 770,000 ยูนิต  คาดว่าภายในปี 2568 ซัพพลายคอนโดมิเนียมทั้งหมดจะอยู่ที่ 876,000 ยูนิต ขยายตัว 13% หรืออาจมากกว่านี้ ซึ่งย้อนกลับมาในปี 2565 นี้ จะเห็นว่า การเปิดตัวโครงการใหม่ที่เกิดขึ้นจะเป็นลักษณะ มิด-โลว์เซ็กเมนต์ กล่าวคือ เน้นตลาดกลาง-ล่างเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งตลาดกลางล่างจะเกิดใน “ขอบ” ใจกลางเมือง  

"ตลาดคอนโดมิเนียมตั้งแต่เกิดโควิด-19 ปี 2563 ดีเวลลอปเปอร์ปรับตัวอย่างรวดเร็ว เพราะต้องการถือเงินสดไม่ต้องการเก็บสต็อกไว้ เริ่มทำโปรโมชั่นลดราคาเพื่อระบายสต็อกสินค้าทั้งคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมและลักชัวรีในทำเล สุขุมวิท เพลินจิต สีลม สาทร"

อย่างไรก็ดี แม้ช่วงที่ผ่านมาเซ็กเมนต์ที่ขายดี คือ ไฮเอนด์ และพรีเมียม แต่ตลาดเก็งกำไรยังไม่กลับมา และในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาการเปิดตัวโครงการใหม่น้อย