แสนสิริต่อจิ๊กซอว์เดอะสแตนดาร์ดผนึกคิงเพาเวอร์จุดพลุ‘แลนด์มาร์คมหานคร’
แสนสิริต่อจิ๊กซอว์‘เดอะสแตนดาร์ด’ผนึกคิงเพาเวอร์จุดพลุ‘แลนด์มาร์คมหานคร’ จัดงานแกรนด์โอเพนนิ่ง “เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร” อย่างเป็นทางการวันพรุ่งนี้ (14 ธ.ค.)
นับเป็นโอกาสสำคัญหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายในห้วงบรรยากาศเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขได้ฤกษ์จัดงานแกรนด์โอเพนนิ่ง “เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร” อย่างเป็นทางการวันพรุ่งนี้ (14 ธ.ค.) หลังเปิดบริการอย่างไม่เป็นทางการมาระยะหนึ่ง เป็นในไฮไลต์ของไฮซีซันนี้ รับการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทยที่มีนักเดินทาง นักท่องเที่ยวมาเยือนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโรงแรม เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร หนึ่งในจิ๊กซอว์สำคัญของโครงการมิกซ์ยูส“คิงเพาเวอร์ มหานคร”แลนด์มาร์คใหม่ใจกลางกรุงของกลุ่มคิง เพาเวอร์
เศรษฐา ทวีสิน ประธานกรรมการ สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทแม่ของเครือโรงแรม เดอะ สแตนดาร์ด และ ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มการเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกดีขึ้นมากจากดีมานด์ที่อั้นมา 2-3 ปี ส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรม โดยวันที่ 14 ธ.ค.นี้ เตรียมจัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ “เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร” เป็นการเปิดตัวโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลกหลังวิกฤติโควิด
“คุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เจ้าของโรงแรม ทุ่มสุดตัวเพื่อให้เป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทย”
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นตลาดไฮเอนด์ มีเดียม หรือโลว์เอนด์ จากนี้จะกลับมาบูม! และธุรกิจโรงแรมเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ (Recurring Income) และลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของแสนสิริ ตามแผนปี 2569 แสนสิริจะมีโรงแรม 20 แห่ง ขยายภายใต้แบรนด์ เดอะ สแตนดาร์ด,บังค์เฮาส์ และ เภรี โดยรายได้จากธุรกิจโรงแรมมาจากการรับจ้างบริหาร 90% ขณะที่โรงแรมภายใต้การลงทุนเองมีแห่งเดียว คือ “เดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน”
จุดแข็งของแบรนด์ “เดอะ สแตนดาร์ด”ทั่วโลก สร้างรายได้จากอาหารและเครื่องดื่มสูงถึง 50% และห้องพัก 50% แตกต่างจากเชนโรงแรมทั่วไปที่มีรายได้จากห้องพัก 70% รายได้จากค่าอาหาร 30%
“สะท้อนว่า ร้านอาหาร บาร์ ไนท์คลับ อีเวนต์ต่างๆ ในโรงแรมเดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร มีบทบาทสำคัญ ไม่พึ่งพาเฉพาะนักท่องเที่ยวที่เข้าพักในโรงแรม ซึ่งช่วงที่ผ่านมามีการตอบรับดีมาก มีการจองร้านอาหารนานถึง2เดือน ไม่ว่าจะเป็นร้านOjo และ Mott32 ส่งผลให้ผลการดำเนินงานเติบโตแบบก้าวกระโดด"
เศรษฐา มั่นใจว่า การท่องเที่ยวทั่วโลกกำลังกลับมาบูมอีกครั้งใน 1-3 ปีข้างหน้า จากดีมานด์ที่อั้น และพฤติกรรมกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีรายได้สูง หน้าที่การงานดีให้ความสำคัญกับการสัมผัสประสบการณ์จากการท่องเที่ยว เรียนรู้วัฒนธรรมในแต่ละประเทศมากกว่ารถยนต์หรู นาฬิกาแพง ถือเป็น “โอกาส” สำหรับประเทศไทยซึ่งมีองค์ประกอบหลากหลายทำให้การท่องเที่ยวมีเสน่ห์ เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ที่มีความหลากหลาย
“เราไม่จำเป็นต้องยึดติดกับตัวเลขนักท่องเที่ยว สมมตินักท่องเที่ยวมา 80,000 คน มาอยู่ครั้งละ 12 วันดีกว่ามาอยู่ 2 คืน คนมาเลเซียมาเที่ยวหาดใหญ่ 2 คืน คนจีนมาจากเซียงไฮ้มาอยู่ 3คืน แต่ทำอย่างไรให้มาอยู่ 8 คืนแล้วไปเที่ยวทั้งเชียงใหม่ เชียงราย น่าน แม่ฮ่องสอน ฯลฯ"
การขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทย กลไกสำคัญไม่อยู่ที่กระทรวงท่องเที่ยวฯ แต่ต้องมีกระทรวงต่างประเทศ คมนาคม เข้ามาร่วมทั้งด้านการดูแลเรื่องวีซ่า ให้มีความรวดเร็ว ถ้าคนจีนมาไทยโดยไม่ต้องขอวีซ่า เหมือนคนไทยไปญี่ปุ่นจะสร้างแรงดึงดูดและการเติบโตที่ดี รวมถึงการบริหารจัดการสนามบิน การตรวจคนเข้าเมือง ทุกส่วนต้องทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ
นอกจากนักท่องเที่ยวเดิมที่นิยมมาไทยเที่ยวทะเล ชมวัดพระแก้ว ขณะนี้มีนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่อยากเข้ามาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ไม่ว่าจะด้านวัฒนธรรม อาหาร เครื่องดื่ม สถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ”ไม่ใช่” แค่ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา กรุงเทพฯ เพราะ “ไทย” มีเสน่ห์มากกว่านั้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน
ในฐานะภาคเอกชน ฟันเฟืองร่วมขับเคลื่อนได้ผ่านการลงทุนโรงแรมในพื้นที่ต่างๆ เช่น กลุ่มแสนสิริ มีแบรนด์บังค์เฮาส์ และ เภรี เจาะตลาด ตามความเหมาะสมของสินทรัพย์ โลเคชั่น ลูกค้า
ที่ผ่านมา ตลาดโรงแรมในหัวเมืองท่องเที่ยวถูกมองว่าอยู่ในภาวะ “โอเวอร์ซัพพลาย” แต่ “เศรษฐา” เชื่อว่า โรงแรมบูทีคยังไปต่อได้ ด้วยไลฟ์สไตล์ของคน มีกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ! และแตกต่าง
ดังนั้น หากมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวเต็มที่ การท่องเที่ยวเมืองไทยกลับมาแน่!! ในฐานะหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่นักท่องเที่ยวอยากมาเยือน แต่จะโตได้มากน้อยแค่ไหนอยู่ที่หลายปัจจัย และระหว่างรอจีนเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ไทยต้องโปรโมทตลาดใหม่ อินเดีย ออสเตรเลีย ฯลฯ มากขึ้น
ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตามีทั้งปัญหาค่าแรง การขาดแคลนแรงงาน กฎระเบียบต่างๆ ความปลอดภัย ซัพพลายเชน ภาวะเศรษฐกิจไทยและทั่วโลก และการเลือกตั้งครั้งต่อไปที่จะเป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย!