ออริจิ้นกว้านซื้อโรงแรมเติมพอร์ตรับดีมานด์‘นักท่องเที่ยว’ดีดกลับ

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าว ปี 2566 ถือเป็นโอกาสทองของ “วัน ออริจิ้น”  ซึ่งเป็นบริษัทลูกของออริจิ้น ที่ปัจจุบันมีโรงแรมเปิดให้บริการจำนวน  8 โรงแรม และอยู่ระหว่างการก่อสร้าง 12 โรงแรม นอกจากนี้ อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการเข้ามาเสริมในพอร์ตอีกจำนวน 10 โรงแรม 

ทั้งนี้ ได้มีพันธมิตรเข้ามาร่วมลงทุนเช่นเดียวกับการพัฒนาคอนโดมิเนียมร่วมกับพันธมิตรญี่ปุ่น 3 ราย หนึ่งในนั้นคือกลุ่มโนมูระ เรียลเอสเตท ร่วมลงทุน สเตย์บริดจ์ ทองหล่อ ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างในซอยพร้อมพงษ์ ตรงข้ามโครงการวัน 24 จำนวน 500 ห้อง

นอกจากนี้ยังมีโรงแรม อินดิโก แนวคิดบูทีคโฮเทล มีห้องพัก 210 ห้อง และ ฮอลิเดย์ อินน์ เอ็กซ์เพรส มีห้องพัก 202 ห้อง โดยทั้ง 2 แบรนด์อยู่ภายใต้เครือ IHG Hotels & Resorts  เป็นการรองรับนักเดินทางที่มาท่องเที่ยวหรือติดต่อธุรกิจใจกลางกรุงเทพฯ ย่านพญาไท เป็นต้น 
 

ส่วนโรงแรมที่ซื้อเข้ามาเสริมในพอร์ตธุรกิจนั้นมีหลายขนาด หลายทำเล กระจายอยู่ทั่วประเทศตามเมืองท่องเที่ยวหลัก อาทิ  ภูเก็ต เชียงใหม่ หัวหิน พัทยา กรุงเทพฯ โดยส่วนใหญ่ทำการซื้อมาก่อนหาพันธมิตรเข้ามาร่วม ส่วนโรงแรมที่สร้างใหม่มีพันธมิตรสนใจเข้าร่วมลงทุนอยู่แล้วอย่างที่พญาไท มีโตคิวแลนด์เข้ามาร่วมหุ้นด้วย

“ปีนี้โรงแรมที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างจะเสร็จหลายแห่ง ทำให้พอร์ตโรงแรมเพิ่ม 25-30 โรงแรม มีจำนวนห้องประมาณ 10,000 ห้องจากเดิมที่มีอยู่ 3,000 ห้อง  เพื่อรองรับดีมานด์นักท่องเที่ยวที่ดีดตัวกลับหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ไทยเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือน เม.ย.2565  ซึ่งขณะนี้ ภูเก็ต เชียงใหม่ มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ไฟลต์บินเต็มหมด ไนท์บาร์ซา เชียงใหม่ที่เคยร้างกลับมา 95%”

นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า หลังจากดำเนินธุรกิจโรงแรมในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มซื้อที่ดินมาจนถึงวันนี้มีจำนวน 8 โรงแรม กว่า 3,000 ห้อง มีอัตราการเติบโตทุกปี แม้ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 

“ปีนี้ ธุรกิจโรงแรมกลับมาพีคทั้งรายได้และกำไร โดยมีแผนนำ วัน ออริจิ้น เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไตรมาส 3 ปี 2566”

จากผลประกอบการปี 2565 ที่ผ่านมา วัน ออริจิ้น มีกำไรในธุรกิจโรงแรมกว่า 300 ล้านบาท ปีนี้คาดการณ์กำไรประมาณ 600 ล้านบาท ถือเป็น Growth Engines ใหม่ของออริจิ้น ที่มีความสำคัญ ล้อไปกับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ในอนาคตตั้งเป้าหมายผลักดันสู่ “ท็อป ทรี” ของธุรกิจโรงแรมในแง่จำนวนห้องก่อนที่ส่วนของรายได้จะตามมาในภายหลัง