‘มหากิจศิริ’ผนึกทุนญี่ปุ่นรุกแนวราบบาลานซ์พอร์ตอสังหาฯดันรายได้ปีนี้

นางสาวอุษณา มหากิจศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะเนสท์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทในเครือ “พีเอ็ม กรุ๊ป” ของตระกูล “มหากิจศิริ” กล่าวว่า ปีนี้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ปี 2566 ดีขึ้น จากปัจจัยบวกที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะการเปิดประเทศจีน ส่งผลดีต่อประเทศไทยทำให้นักท่องเที่ยวกลับเข้ามาอย่างน้อย 25 ล้านคนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีจำนวน 10 ล้านคน เพิ่มขึ้นเท่าตัว ทำให้จีดีพีโตขึ้นทำให้กำลังซื้อเพิ่มขึ้น ทิศทางเศรษฐกิจภาพรวมดีขึ้น ก่อให้เกิดความมั่นใจของผู้บริโภคในการกลับมาจับจ่ายใช้สอย

จากการข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ฯ พบว่า ตัวเลขการเติบโตตลาดอสังหาฯ เพิ่มขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล คิดเป็นมูลค่า 6.3 แสนล้านบาท โดยเฉพาะโครงการแนวราบที่มีการเปิดตัวกันอย่างคึกคัก ถือเป็นสัญญาณที่ดี โดยทำเลโซนตะวันออกมีการเติบโตต่อเนื่อง  ทั้งนี้เนื่องจากความต้องการซื้อของผู้บริโภคมากขึ้น ขณะเดียวกันซัพพลายก็เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะโซนกรุงเทพกรีฑา ที่ราคาที่ดินพุ่งสูงขึ้นถึง 150% ภายในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงต้นถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ ราคา 1.4 แสนบาทต่อตารางวา และเฉลี่ยต่อปีราคาขยับขึ้น 10-15%

พร้อมกันนี้ จะมีการร่วมทุนเพิ่มอีก 2 โครงการมูลค่า 3,900 ล้านบาท  โครงการแรกพัฒนาภายใต้ชื่อ “เอเวียน ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา” มูลค่า 2,700 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น บนที่ดินกว่า   42 ไร่ จำนวน 166 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 230-290 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 12.9 ล้านบาท เปิดตัวในเดือน ส.ค.นี้

ส่วนโครงการที่ 2 พัฒนาภายใต้ชื่อ “แอร์รี่ ศรีนครินทร์-สวนหลวง” พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวหรู 3 ชั้น มูลค่า 1,200 ล้านบาท ตั้งอยู่บนที่ดิน 9 ไร่ จำนวน 43 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 313-370 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้น 22.9 ล้านบาท เปิดตัวในไตรมาส 4 หากรวมทั้ง3 โครงการจะมีมูลค่าถึง 6,400 ล้านบาท
 

สำหรับปี 2566 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 2,700 ล้านบาท โดยมีโครงการที่เป็นไฮไลท์สำคัญ คือ AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา ซึ่งในปีนี้จะมีการทยอยสร้างบ้านเสร็จออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่โครงการใหม่อีก 2 โครงการ ที่จะเปิดในปีนี้ จะเป็นบ้านที่ทยอยสร้างเสร็จพร้อมขายและพร้อมโอนเช่นเดียวกัน โดยรายได้หลักในปีนี้จะมีจากยอดโอนคอนโดโครงการ เดอะเนสท์ จุฬาฯ สามย่าน และโครงการ เดอะเนสท์ สุขุมวิท71 ที่ปิดโครงการในปีนี้

“ปีนี้ถือเป็นปีทองของบริษัทเพราะยอดขายรอโอนจากโครงการคอนโดค่อนข้างเยอะ บวกกับยอดขายบ้านที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งได้รับอานิสงส์จากนโยบายภาครัฐที่ทำให้คนสามารถซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น ”

นางสาวอุษณา กล่าวว่า แผนในอนาคตยังคงให้ความสำคัญแนวราบเนื่องจากต้องการบาลานซ์พอร์ตแนวราบกับคอนโดให้มีสัดส่วนเท่ากันจากเดิมเน้นคอนโดโลว์ไรส์ ในระดับราคา 3-5 ล้านบาท หรือ ราคาเฉลี่ย 1 แสนบาทขึ้นไปต่อตารางเมตร ภายใต้แบรนด์เดอะเนสท์ โดยการลงทุนแนวราบจะเน้นในรูปแบบการร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น  ทำเลน่าสนใจย่านบางนา ส่วนคอนโดยังคงเป็นทำเลในเมืองเป็นหลัก