‘ศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์’เคลื่อนเคอี กรุ๊ปสู่โอกาสการลงทุนระดับโลก
ศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์ซีอีโอเคอี กรุ๊ปกับหมุดหมายสู่โอกาสการลงทุนระดับโลกที่ขยายธุรกิจในอาเซียนและสยายปีกการลงทุนไปสู่กลุ่มธุรกิจใหม่ๆ เพื่อเสริมการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนรับเมกะเทรนด์โลกอย่าง“Sustainability”
ถนนประดิษฐ์มนูธรรมอยู่ในย่านเรียบด่วนเอกมัย รามอินทรา ซึ่งย่านนี้ถือเป็นทำเลทองของกรุงเทพฯ เพราะมีทั้งหมู่บ้านจัดสรร โครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรีและยังมีคอมมูนิตี้มอลล์ระดับพรีเมี่ยมคริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (ซีดีซี) ผู้ที่บุกเบิกย่านนี้ ให้เป็นทำเลทองขึ้นมา “ศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์ ”ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทในเครือ เคอี กรุ๊ป
ศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทในเครือ เคอี กรุ๊ป ฉายภาพการแนวคิดในการลงทุนว่า จากประสบการณ์ที่เคยทำวาณิชธนกิจ ( Investment banking)ในสถาบันทางการเงินซึ่งทำหน้าที่ระดมเงินทุน, ซื้อขายหลักทรัพย์, บริหารการควบรวมและซื้อกิจการกับสามี (กวีพันธ์ เอี่ยมสกุลรัตน์)ที่ภัทรธนกิจมาก่อน ซึ่งทางคุณพ่อสามีเดิมที่ท่านเป็นผู้ถือหุ้นโรงเหล้าแล้วสะสมที่ดินบริเวณนี้ไว้ให้ลูกๆเข้ามาพัฒนาที่ดิน
เมื่อโอกาสเหมาะสมเธอและสามีจึงได้ออกมาพัฒนาเริ่มโดยจากโครงการคริสตัลพาร์ค ซึ่งเป็นที่รู้จักกันเพราะราคาสูงและประสบความสำเร็จในการขาย จากนั้นทำโครงการแกรนด์คริสตัลและ คริสตัล โซลานา ระหว่างที่พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยก็เริ่มพัฒนาคอมมูนิตี้มอลล์เดอะคริสตัล และคริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ หรือซีดีซี ซึ่งได้ดูงานดีไซน์เซ็นเตอร์ทั่วโลกจึงเกิดมุมมองที่อยากจะเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับถนนเส้นนี้ สังคมและชุมชนในละแวกนี้
ศุภานวิต วิเคราะห์ว่า แนวโน้มทำเลย่านนี้ยังสามารถไปต่อได้อีกไกล ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่อยู่อาศัย ล่าสุดได้พัฒนาออฟฟิศภายใต้ชื่อ 111 ที่มีโคเวิร์คกิ้งสเปซรองรับเทรนด์ในอนาคต ข้อดีของถนนเส้นนี้คือ เป็นถนนเส้นเดียวในกรุงเทพฯที่กว้างและมีการเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองหรือสนามบินได้ใกล้ที่สุดรวมถึงในอนาคตที่จะมีรถไฟฟ้าหลายสายอยู่บนถนนนี้รวมถึงสายสีเทาสามารถเชื่อมอีก4-5สายบนเส้นทางต่างๆได้ถือว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง
“นอกจากโครงการอสังหาฯ อาคารสำนักงาน รีเทล แล้วเคอี กรุ๊ป ยังขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศเพราะเราเห็นโอกาสในต่างประเทศโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา”
ปัจจุบันเคอี กรุ๊ปมีกลุ่มธุรกิจหลักๆอยู่2กลุ่ม คืออสังหาริมทรัพย์ และการลงทุนประเภทเงินร่วมลงทุน หรือ ไพรเวทอิควิตี้ อินเวสเม้นท์
ศุภานวิต กล่าวว่า การลงทุนมีทั้งหมด 4ธีมหลัก ได้แก่ ธีมแรก “อัลไล รีท” ซึ่งจะรับผิดชอบโดย “กวินทร์ เอี่ยมสกุลรัตน์”ลูกชายคนโต ซึ่งเป็นการลงทุนในคอมมูนิตี้ มอลล์หลายแห่งในกรุงเทพฯ รวมถึงออฟฟิศรวมทั้งหมด13 โครงการ อาทิ คริสตัล ราชพฤกษ์ ,ชัยพฤกษ์ ,ซีดีซี ,เพลินนารี่ ,เดอะซีน ทาว์นอินทาว์น, อมอรินี่ ,สัมมากร เพลส ราชพฤกษ์ ,กาดฝรั่ง เชียงใหม่ ,เดอะไพร์ม หัวลําโพง
“เรามองว่า คอมมูนิตี้ มอลล์ยังคงเติบโตได้อยู่ จึงมองเรื่องแผนที่เข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ต่อไป หรือโครงการที่มีอยู่แล้ว”
ส่วนธีมสอง ที่เคอี กรุ๊ปให้ความสำคัญและมองว่าอนาคตที่จะเป็นไฮไลท์ของธุรกิจคือการลงทุนในอสังหาฯและไพรเวทอิควิตี้ในสหรัฐอเมริกาผ่านทาง “อัลไล ยูเอสเอ”และในยุโรป ปัจจุบันมีการลงทุนในหลายประเภท อาทิ คอมเมอร์เชียลและเรซิเดนเชียลอย่างในแคลิฟอร์เนียจะมีการลงทุนในโรงแรมบนทำเลที่ดีที่สุด การลงทุนในคอมเมอร์เชียลสเปซ 20กว่าตึกบนถนนหลักของฮอลลีวูดและมีการลงทุนในอาพาร์ทเมนท์สูง 2ตึกและอีกตึกเป็นคอนโดมิเนียมทำเลที่ดีที่สุดในไมอามี่
“การลงทุนอสังหาฯในต่างประเทศ เราจะโฟกัสเรื่องของโลเคชั่นว่าจะต้องเป็นโลเคชั่นที่ดีที่สุด เหตุผลที่เลือกลงที่สหรัฐอเมริกา ถ้าดูภาพรวมเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาเป็นเศรษฐกิจที่มีความแข็งแกร่งไม่ว่าจะมีการขึ้นของดอกเบี้ย หรือเงินเฟ้อภาพรวมของเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ”
ธีมสามจะเป็น“ อัลไล เคอีเอ็กซ์” ในรูปแบบของการ ลงทุนกับดีเวลลอปเปอร์ท้้งที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯและนอกตลาด ที่ทำโครงการแล้วเราเห็นว่า ทำเลอยู่ที่ไหน สร้างใกล้เสร็จ มียอดขายที่ดีไม่จำเป็นต้องสตาร์ท จากการพัฒนาโครงการใหม่
ปัจจุบันเซตอัพเป็น “กองทุน” เปิดตัวไปแล้วและประสบความสำเร็จในการได้รับผลตอบแทนประมาณ10% ซึ่งต่างจากการลงทุนในสหรัฐอเมริกา หรือในต่างประเทศอื่นๆที่มีผลตอบแทนกว่า 20% ซึ่งการลงทุนในสหรัฐอเมริกาจะให้ “กฤษฏิ์ เอี่ยมสกุลรัตน์” ลูกคนที่สองและพาร์ทเนอร์รับผิดชอบ
และธีมสี่ เป็นการลงทุนในมีเดียและเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ และกีฬา ทั้งนี้เนื่องจากลูกชายคนที่สอง มีความชอบและแรงบันดาลใจในหลายอย่างในการหาแสวงหา“โอกาส” ในการลงทุนธุรกิจใหม่ๆ ที่มองเห็นว่า มีศักยภาพในอนาคต ซึ่งเราได้เริ่มลงทุนในทีมฟุตบอลที่ดังในเอซี มิลาน ,เป็นเจ้าของทีมติเกรส์และลงทุนในมีเดีย
"เราอยากที่จะเป็นlatest ownerของไอพี ที่ได้รับประโยชน์จากการทําธุรกรรมในทอดสุดท้ายจากคอนเทนท์ที่ประสบความสำเร็จในเซาท์อีสเอเชีย ซึ่งเป็นเป้าหมายที่วางไว้"
ศุภานวิต ระบุว่า การลงทุนดังกล่าว เกิดจากมองเห็นถึงศักยภาพในอนาคตจากการซินเนอร์จี้ที่จะเกิดขึ้น และสามารถที่จะก้าวไปข้างหน้าสู่ฮอลลีวูดได้ หรือ มากกว่านั้น ซึ่งเป็นความตั้งใจที่อยากทำ และอีกกลุ่มหนึ่งคือ ลักชัวรีไลฟ์สไตล์ ที่มีส่วนของการเป็นเทรดดิ้ง ซึ่งต่อยอดด้วยวัสดุการก่อสร้าง วัสดุตกแต่งต่างๆ ในซีดีซี
“ภาพรวมของตลาดอสังหาฯปีนี้ ภาวะเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบกับตลาดอสังหาฯพอสมควร และการเติบเศรษฐกิจในประเทศอย่ในอัตราต่ำ2-3% ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องยอมรับฉะนั้นในมุมของผู้ประกอบการคิดว่า ควรมีความรอบคอบในการขึ้นโครงการแต่ละโครงการคงต้องใช้ดุลพินิจและการทำตลาดอย่างจริงจัง”
ส่วนการปรับตัวของภาคธุรกิจ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย เคอีกรุ๊ป มองว่า การเติบโตของรายได้โดยรวมอาจจะไม่ดีเท่ากับช่วงที่เศรษฐกิจดีแน่นอนฉะนั้นสิ่งที่เราเตรียมการคือการควบคุมต้นทุนที่ดี และเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือ กับลูกค้าโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ร้านค้าผู้เช่า ในหมวดของธุรกิจคอมเมอร์เชียล
อีกส่วนหนึ่งการเตรียมการโครงการต่างๆต้องวางแผนทางการเงินให้ดีรอบคอบอย่าพยายามที่จะมีโครงสร้างหนี้ในอัตราที่สูง และที่สำคัญ คือ การDiversifyโอกาสการลงทุนที่มีอนาคตระดับโลกเพราะเราเชื่อว่าทุกวิกฤติมีโอกาสเสมอ
และการลงทุนในอเมริกาจากการศึกษายิ่งมีอัตราเงินเฟื้อที่สูงขึ้น เห็นโอกาสในการลงทุนใน Assetในราคาที่ถูกและดี ในจังหวะเวลาที่เหมาะสม
ส่วนประเด็นเรื่องของความยั่งยืน เคอี กรุ๊ปให้ความสำคัญมานานแล้ว ในทุกโครงการที่ดำเนินการและให้ความสำคัญกับเรื่องของพื้นที่สีเขียว นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญในเรื่องของการประหยัดพลังงาน รณรงค์การประหยัดไฟฟ้า มีแผงโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ในโครงการคอมเมอร์เชียลขนาดใหญ่ มีอีวีชาร์ทเจอร์ ร่วมกับธุรกิจเอกชนที่อยู่ร่วมกับเรา
ส่วนเรื่องสังคมในการพัฒนาโครงการให้เป็นส่วนหนึ่งของการทำเมือง ชุมชนให้น่าอยู่ หนึ่งในนั้นคือการสร้างCDC Pet Park รวมทั้งการทำสนามเทนนิสอินดอร์ 3 สนามที่เป็นยูเอสโอเพ่น และกำลังจะเปิดเพิ่มอีก5สนามรวมเป็น8สนามหน้า คริสตัล พาร์ค เนื่องจากอยากให้คนชื่นชอบการเล่นเทนนิสได้มีโอกาสได้ใช้สนามที่ดี และทำให้ให้ทุกคนมีสุขภาพที่แข็งแรง
ในส่วนของชีวิตครอบครัว มีทายาท2คนเข้ามาช่วยสานต่อเคอีกรุ๊ปให้เติบโตแข่งแกร่งยิ่งขึ้น ทายาทคนโต “กวินทร์ เอี่ยมสกุลรัตน์”วางระบบการเงิน และที่ดินของครอบครัว ส่วนลูกชายคนรอง“กฤษฏิ์ เอี่ยมสกุลรัตน์” เป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์ที่เปิดกว้างในการพลิกโมเดลธุรกิจใหม่ให้กับเคอีกรุ๊ป
“ ตั้งแต่เล็กจนโตจะไปเที่ยวไปดูงานด้วยกัน เล่นกีฬาด้วยกัน แล้วเขาค่อยซึมซับไปทีละน้อยจากการพูดคุยหรือการที่เขาได้มีโอกาสพบผู้ใหญ่ในวงการธุรกิจ หล่อหลอมให้เขาอยากทำธุรกิจบวกกับการที่เขาได้ไปเรียนในโรงเรียน มหาวิทยาลัยที่ดีส่งเสริมให้เขาได้มีโอกาสเรียนรู้ได้มากขึ้น บวกเขาชอบอ่านหนังสือทำให้เขาเข้ามาช่วยทำงานได้เร็ว ”
จากประสบการณ์ในการบริหารองค์กร ศุภานวิต พบว่า การบริหารคนที่ดีจะช่วยในการขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวหน้า เราสร้างให้ทุกคนมีศักยภาพในการเติบโตและก้าวหน้าไปร่วมกัน เพราะองค์กรจะขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ต้องสร้างคน สร้างทีมให้ไปข้างหน้าร่วมกัน ให้สำเร็จ การรับคนเขามาทำงาน เน้นพื้นฐานมีการคิดและการแก้ปัญหาเชิงตรรกะ มีพื้นฐานการศึกษาที่ดี มีความเป็นผู้นำ เหนือสิ่งอื่นใดเขาต้องมีทัศนคติที่ดี
"แนวทางการทำงานเน้นการระดมความคิด มีแรงบันดาลใจ แสวงหาโอกาสรอบตัว Work Life Balance เพราะถ้าเขามีสุขภาพที่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดี จะมีพลังมาสร้างโปรดักส์ทิวิตี้กับองค์กร ขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า"