สิ้นชาติเพราะคนต่างศาสนาหรือคนไทยเชื้อสายจีน? | โสภณ พรโชคชัย

สิ้นชาติเพราะคนต่างศาสนาหรือคนไทยเชื้อสายจีน? | โสภณ พรโชคชัย

ตอนนี้คนไทยบางส่วนกำลังวิตกว่าคนต่างศาสนา จะทำให้ไทยสิ้นชาติหรือมากลืนชาติไทย แต่แท้จริงแล้วคนที่จะทำให้ไทยสิ้นชาติอาจเป็นคนไทยเชื้อสายจีน (บางคน) ถึงวันนั้นอสังหาริมทรัพย์ไทยคงอยู่ในกำมือของคนต่างชาติ (แต่ดูไม่ต่างศาสนา!)

เพื่อนของผมที่เป็นระดับนายกสมาคมและกรรมการสมาคมอสังหาริมทรัพย์ในกัมพูชา บอกว่า ขณะนี้บริษัทพัฒนาที่ดินจีนยึดหัวหาดการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในกรุงพนมเปญไปแทบหมดแล้ว

ที่นักลงทุนกัมพูชายังพอทำได้ ก็จะเป็นพวกบ้านแนวราบ คือบ้านเดี่ยวและตึกแถว ตลอดจนการจัดสรรที่ดินเปล่าๆ เพื่อให้คนเขมรไปซื้อเก็บไว้เก็งกำไร

 

 

แต่ตลาดอาคารชุดกลับกลายเป็นของต่างชาติ เช่น เกาหลี และโดยเฉพาะนักลงทุนจากจีนแผ่นดินใหญ่

ยิ่งที่เมืองสีหนุวิลล์ ไม่ใช่เป็นแค่ China Town หรือย่านเล็กๆ ของคนจีนในเมือง แต่เป็น China City หรือเมืองของคนจีนไปแล้ว แล้วอย่างนี้นักพัฒนาที่ดินกัมพูชาและชาวบ้านจะมีที่ยืนได้อย่างไร

ผมไปประเมินค่าทรัพย์สินที่เมียนมาเป็นระยะๆ นักวิชาชีพที่เป็นนักพัฒนาที่ดิน นายหน้าต่างก็บอกเหมือนกันว่า นักลงทุนจีนแห่กันไปซื้อบ้านและอสังหาริมทรัพย์ตามเมืองต่างๆ กันมากมาย เข้าทำนองไปยึดบ้าน ยึดเมืองของเขาก็ว่าได้

ที่เมียนมาและลาวหนักหน่วงมากเพราะอยู่ติดกับจีน แต่ทั้งสองประเทศนี้ก็มีสภาพไม่ต่างจากในกัมพูชา นี่แสดงว่าอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ในลาว กัมพูชา เวียดนาม “เรียบร้อยโรงเรียนจีน” ไปมหาศาลแล้ว

อย่างไรก็ตาม ที่เวียดนามแตกต่างกัน จีนเข้าครอบงำได้ยาก เพราะอย่างน้อยรัฐบาลเวียดนามก็เข้มแข็งและรักชาติมากพอสมควร เมื่อกลางปี 2561 มีเหตุการณ์ประท้วงใหญ่ในหลายเมืองของเวียดนาม ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นเลยหลังสงครามเวียดนาม

ครั้งนี้เป็นการประท้วงที่รัฐบาลมีแผนจะให้ต่างชาติเช่าเขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นเวลาถึง 99 ปี ประชาชนต่างรู้ว่าผู้ที่จะไปเช่าก็คือนักลงทุนของจีน เพราะตั้งอยู่ใกล้ชายแดนจีน จนในที่สุดรัฐบาลต้องยอมยกเลิกการส่งเสริมการลงทุนดังกล่าว

ข้อสังเกตประการหนึ่งก็คือ เขตเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าวมีขนาดเล็กๆ ไม่กี่ตารางกิโลเมตร แต่เขตเศรษฐกิจพิเศษของไทยในนามระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ครอบคลุมหลายจังหวัด นี่ไทยกำลังจะเสียดินแดนไปทั้งภาคหรืออย่างไร

อาจกล่าวได้ว่า ผู้ปกครองที่อ่อนแอย่อมถูกครอบงำโดยทุนต่างชาติ หรือในบางประเทศ ผู้ปกครองเหล่านี้อาจได้รับอามิสสินจ้างในรูปแบบต่างๆ จึงไม่ออกกฎหมายปกป้องชาติและประชาชนของตนเอง ต่างจากในแคนาดากลับห้ามคนจีนไปกว้านซื้ออสังหาริมทรัพย์อีกต่อไป

หรือออสเตรเลียก็ให้ต่างชาติซื้อบ้านในโครงการใหม่ได้ แต่เมื่อขายต่อต้องขายให้คนออสเตรเลียเท่านั้น ห้ามต่างชาติซื้อขายบ้านมือสอง เพื่อไม่ให้ราคาบ้านแพงจนชาวบ้านจับต้องไม่ได้

เมื่อค่ำวันที่ 24 เม.ย.2566 ผมในนามประธานสาขาที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ของสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์สากล (FIABCI) ซึ่งเป็นสมาคมอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ผมยังเป็นนายกสมาคม FIABCI-Thai ได้จัดสัมมนาว่าด้วยการให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ในยุโรป อันได้แก่ เยอรมนี สเปน อิตาลี และในสหรัฐ

ปรากฏว่าในประเทศเหล่านี้มีระบบภาษีที่ดีที่ป้องกันการบุกรุกของทุนจีน แตกต่างจากในประเทศอินโดจีน รวมทั้งประเทศไทยของเรา เช่น

1.มีภาษีการซื้ออสังหาริมทรัพย์ 10-20% โดยเฉพาะหากซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ใช่บ้าน เช่น กิจการไปประกอบธุรกิจ ต้องเสียภาษีอย่างหนัก

2.มีภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างรายปี 1-3% ของมูลค่าตลาด แต่ของไทยเก็บที่ 0.02% ของราคาประเมินราชการซึ่งต่ำกว่าราคาตลาดมาก และต้องเป็นบ้านที่มีราคา 50 ล้านบาทตามราคาประเมินราชการขึ้นไปจึงจะเสียภาษีนี้ เรียกว่าแทบไม่เก็บภาษีคนต่างชาติเลย

3.ประเทศตะวันตกยังเก็บภาษีกำไรจากการขายต่อ ไทยเราก็แทบไม่เก็บ

4.ภาษีมรดกของไทยก็แทบไม่ได้เก็บเลย จะเก็บก็ต่อเมื่อกองมรดกมีมูลค่าเกิน 100 ล้านบาทตามราคาประเมินราชการที่ต่ำกว่าราคาตลาดมาก

ดังนั้น การที่รัฐบาลไม่เก็บภาษีคนต่างชาติเช่นที่คนไทยไปซื้อบ้านในยุโรปและสหรัฐ ต้องเสียภาษีนั้น ก็เท่ากับเรา “ขายชาติ” อยู่กลายๆ

รัฐบาลที่อ่อนแอลงอาจถูกสั่งให้อำนวยความสะดวกแก่การซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยชาวต่างชาติ เช่น ฮ่องกงและสิงคโปร์ต่างมีนโยบายว่าต่างชาติมาซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะห้องชุดในประเทศของตน ต้องเสียภาษีซื้อ 30-35% เพื่อป้องกันการครอบงำของต่างชาติโดยเฉพาะทุนจีน

แต่วันนี้ผู้ปกครองฮ่องกง ซึ่งอยู่ในความควบคุมของจีนกำลังจะทบทวนว่าจะลดภาษีนี้ นัยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหรือเพื่อให้ทุนจีนมายึดฮ่องกงได้สะดวกขึ้น!

ย้อนกลับมาเรื่องที่ว่าไทยกำลังมีคนต่างศาสนามาทำลายชาติจริงหรือ เรื่องนี้มองได้หลายแง่มุมและเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่ในเชิงหลักการแล้วเป็นไปไม่ได้ที่คนต่างศาสนาจะมาครอบงำไทยได้

การที่คนต่างศาสนาแผ่เข้ามาในภูมิภาคนี้เมื่อหลายร้อยปีก่อน ก็เพราะในขณะนั้นจักรวรรดินิยมของคนต่างศาสนากำลังเฟื่องฟู

จึงมีกำลังหนุนช่วยให้เกิดการแผ่ขยายได้ แต่ในปัจจุบันไม่มีจักรวรรดินิยมของศาสนาดังกล่าว แต่ในขณะเดียวกันโลกกลับมีจักรวรรดินิยมจีนเกิดขึ้นและแผ่ขยายอิทธิพลอย่างเด่นชัดต่างหาก

หัวหอกสำคัญในการทะลวงฟันเข้ามาก็คือ “คนไทยเชื้อสายจีน” บางส่วน ที่ภูมิใจในความเป็นจีน ไม่ได้มีสำนึกในความเป็นคนไทย แถมอาจรู้สึกดูถูกคนไทยและวัฒนธรรมไทย พวกนี้จึงอันตราย ไม่เหมือนคนไทยเชื้อสายจีนส่วนใหญ่ที่สำนึกบุญคุณแผ่นดินเกิด

จีนคงได้เรียนรู้จากการประกาศเอกราชของสหรัฐ ที่คนอังกฤษในสหรัฐแท้ๆ กลับก่อกบฏแยกอเมริกาออกจากจักรวรรดินิยมอังกฤษเมื่อ 247 ปีก่อน

เพราะคนเหล่านั้นไม่รู้สึกตนเป็นอังกฤษอีกต่อไป จีนก็พยายามให้ผลประโยชน์ต่างตอบแทนแก่คนไทยเชื้อสายจีนบางส่วนนี้ เพื่อสนับสนุนและไม่ขัดขวางต่อการขยายอิทธิพลของจีนในไทย

ผมเคยบอก ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ เจ้าของสถาบันสร้างชาติว่า เราจะสร้างชาติได้จริงก็ต่อเมื่อเราแก้ไขปัญหาการผูกขาดอำนาจและการรุกของจักรวรรดินิยม หาไม่ผู้ปกครองอาจร่วมมือกับจักรวรรดินิยมกดขี่คนไทยเอง

หลายคนยอมรับการบุกของจีนและบอกว่า ทางออกคือเราต้องปรับตัวยกระดับความสามารถในการแข่งขัน แต่นั่นคือทางออกแบบมั่วๆ

ในขณะที่รัฐบาลจีนสนับสนุนการรุกออกนอกประเทศของทุนจีน ผู้ปกครองไทยกลับไม่ยอมรักษากฎหมายเท่าที่ควร เช่น ไม่ปราบปรามการใช้นอมินีมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย ปล่อยจีนเทาเต็มเมือง ปล่อยให้มีการตั้งล้งซื้อสินค้ากึ่งผูกขาดกดราคา แบบนี้ไม่ช้าไทยก็คงกลายเป็นเมืองขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

นี่แหละคนที่จะทำให้ไทยเป็นเมืองขึ้นหรือประเทศราชก็คือ "คนไทยเชื้อสายจีน" จำนวนหนึ่งที่ช่วยจักรวรรดินิยมจีน

คอลัมน์ อสังหาริมทรัพย์ต่างแดน

ดร.โสภณ พรโชคชัย

ประธานกรรมการศูนย์ข้อมูล วิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ 

บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส 

www.area.co.th

Email: [email protected]