รายได้โตไม่ทันราคาบ้าน-ต้นทุนก่อสร้างพุ่งดัน‘บ้านแฝด’ทางเลือกใหม่

วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูล อสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ทิศทางของตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลง สะท้อนจากผู้ประกอบอสังหาฯ หันไปพัฒนาโครงการบ้านแฝดเพิ่มขึ้น เนื่องจากซัพพลายทาวน์เฮ้าส์ยังมีเหลือจำนวนมาก 

ขณะเดียวกันการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวเน้นกลุ่มบ้านราคาแพงทำให้ตัวเลขการพัฒนาบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ลดลง ประกอบกับกำลังซื้อไม่โตเร็วเท่าราคาบ้าน! ดังนั้นจึงต้องปรับตัวเพื่อให้ผู้ซื้อยังสามารถซื้อบ้านได้ในราคาที่ใกล้เคียงราคาเดิม มีพื้นที่และฟังก์ชั่นการใช้สอยใกล้เคียงเดิม แม้ที่ดินลดลง หรือขนาดบ้านเล็กลง แต่ฟังก์ชั่นต้องดีขึ้น

โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมา พบว่ามีการออกใบอนุญาตจัดสรร เป็นทาวน์เฮ้าส์ 6,290 หน่วย คิดเป็น 41.2% แต่ลดลง 10.4% เมื่อเทียบไตรมาสแรกปี 2565 ส่วนบ้านเดี่ยวมีการออกใบอนุญาตจัดสรร 4,992 หน่วย คิดเป็น 32.7% ลดลง17.8% เทียบไตรมาสแรกปี 2565 ขณะที่บ้านแฝดมีการออกใบอนุญาตจัดสรร 3,233 หน่วย คิดเป็น 21.2% เพิ่มขึ้น 2.9% เทียบไตรมาสแรกปี2565

“ต้นทุนวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น 5-10% ทำให้ค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้น การพัฒนาโครงการบ้านใหม่ราคาเพิ่มขึ้น ระดับเกิน 1.5 ล้านบาทขึ้นไปเพิ่ม 10% แต่การปรับราคาขึ้นทันทีเพื่อให้ครอบคลุมกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเป็นเรื่องยาก เพราะกำลังซื้อคนเปราะเบาอยู่ หากปรับราคาขึ้นเต็มที่คนซื้อไม่ไหว ดังนั้นการพัฒนาบ้านแฝดจึงเป็นทางออกของผู้ประกอบการอสังหาฯ”

ทั้งนี้ ผู้ซื้อต้องการที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น แต่ราคาบ้านเดี่ยวแพงขึ้นทำให้จ่ายไม่ไหว แต่ไม่อยากได้ทาวน์เฮ้าส์ที่มีกำแพงติดกับเพื่อนบ้าน ต้องการพื้นที่ใช้สอยที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น จากพฤติกรรมเหล่านี้ คำตอบสุดท้ายจึงกลายเป็นบ้านแฝด ! ขณะที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่พัฒนาโครงการให้ผู้ซื้อสามารถซื้อได้ท่ามกลางต้นทุนเพิ่มขึ้นทั้งราคาที่ดิน วัสดุก่อสร้าง “บ้านแฝด” จึงเป็นทางออกที่ลงตัว แม้ปัจจุบันตัวเลขการจัดสรรบ้านแฝดยังไม่มากแต่เปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยวลดลง

“ปัจจุบันตัวเลขราคาบ้านเดียวขนาด 50 ตร.ว.ขยับราคาขึ้นอยู่ที่ 7.5-10 ล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ 5-7 ล้านบาท ดังนั้นการซื้อบ้านแฝดขนาด 35 ตร.ว.ในระดับราคาถูกลงแม้ว่าขนาดลดลง 15 ตร.ว. ก็ทำให้คนซื้อยอมรับได้”

ทางด้าน สรนันท์ เศรษฐี นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณการกลับมาที่น่าสนใจของบ้านแฝด จากการค้นหาเพิ่มขึ้นในเว็บไซต์ สะท้อนว่า ราคาที่ดินได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูง ราคาวัสดุก่อสร้าง ค่าแรง ต้นทุนในการสร้างบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบบ้านแฝด 

“กลุ่มลูกค้าปัจจุบันที่นิยมอยู่กันเป็นครอบครัวเล็กลงทำให้บ้านแฝดได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ เริ่มหันมาพัฒนาโครงการบ้านแฝดมากขึ้นจากเดิมเน้นทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยวเป็นหลัก”

อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจพบว่า ปัจจุบันโครงการแนวราบหลายแห่งเริ่มแทรก “บ้านแฝด” เข้าไปในโครงการเพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้ามากขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รองรับความต้องการของคนที่ต้องการพื้นที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นในงบประมาณที่จำกัด