เอสซี แอสเสท เล็งเปิดคอนโดมิเนียมต่ำแสน ตร.ม. ขยายฐานลูกค้ารับดีมานด์พุ่ง

นางกนกอร หลิมกำเนิด หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านพัฒนาทรัพย์สินแนวสูง บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC กล่าวว่า แผนธุรกิจของบริษัทในระยะ 5 ปี นับจากนี้ เริ่มจากปี 2566-2570 จะเปิดตัวโครงการ คอนโดมิเนียมใหม่รวมมูลค่า 4 หมื่นล้านบาท โดยจะเปิดใหม่รวมประมาณ 15 โครงการ เฉลี่ยประมาณปีละประมาณ 3 โครงการ เน้นในทำเลที่มีศักยภาพ

นอกจากนี้มีแผนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ที่มีราคาต่ำกว่า 1 แสนบาท/ ตร.ม. เนื่องจากมีดีมานด์สูง อยู่ระหว่างการจัดทำแผนดำเนินการทั้งหมด

สำหรับการขยายโครงการคอนโดมิเนียมในปี 2566 จะเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 2 โครงการ เป็นแบรนด์ใหม่ (New brand) ในชื่อ COBE (โค้บบ์) สำหรับขยายกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่

ได้วางกลยุทธ์การพัฒนาในแนวคิด CO-Being community โดยนำข้อมูลในการพัฒนาโครงการจากการศึกษาความต้องการของคนรุ่นใหม่ในเชิงลึก เน้นการจัดทำพื้นที่สวนกลางและการออกแบบพื้นที่ใช้สอยให้สอดคล้องกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ส่วนช่วงไตรมาสที่ 4 มีแผนเปิดอีกโครงการในย่านเกษตร อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบางบัว

“ที่ผ่านมา เอสซี จะเน้นทำโครงการเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางจนถึงระดับบน แต่ยังไม่ได้ทำโครงการในตลาดกลางลงมา ทำให้ได้ขยายแบรนด์ใหม่ เพื่อทำให้มีกลุ่มลูกค้าที่ครอบคลุม รวมถึงได้ศึกษาตลาดพบว่า ตลาดที่มีความต้องการสูงจะมีประมาณ 1 แสนบาท/ ตร.ม. และ 1.2 แสนบาท/ ตร.ม. คาดว่าโครงการที่ต่ำกว่า 1 แสนบาท/ ตร.ม. มีโอกาสที่จะอยู่ในทำเลย่านมหาวิทยาลัยหรือทำเลใกล้รถไฟฟ้าได้”

ทั้งนี้โครงการแรกที่เปิดตัวกับ COBE รัชดา-พระราม 9 เป็นคอนโดมิเนียมแบบไฮไรส์ใจกลางเมือง ที่มีทำเลอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าศูนย์วัฒนธรรม บนถนน เทียมร่วมมิตร ขนาดพื้นที่รวม 12 ไร่ มีจำนวนโครงการรวม 9 อาคาร จำนวน 1,612 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 6,000 ล้านบาท ความสูงเฉลี่ยต่ออาคาร 27-29 ชั้น จำนวน 6 ยูนิตต่อชั้นเท่านั้น กำหนดราคาขายเริ่มต้นที่ 2.39 ล้านบาท 

“จากการสำรวจตลาดในย่านรัชดามีโอกาสสูงมาก เนื่องจากมีโครงการอยู่ในตลาดประมาณ 1,400 ยูนิต มูลค่ารวมประมาณ 5,800 ล้านบาท คาดว่าในอีก 3 ปี ซัพพลายจะหมดไป ส่วนราคาในย่านห้วยขวาง-รัชดาภิเษก จะเฉลี่ยที่ประมาณ 140,000 บาท/ ตร.ม. ส่วนย่านรัชดา จะอยู่ที่ 160,000-170,000 บาท/ ตร.ม. ส่วนโครงการ COBE มีราคาที่ต่ำกว่า 120,000 บาทต่อ ตร.ม.ในช่วงเปิดให้จองโครงการ"

อย่างไรก็ตามในช่วงแรกของโครงการจะเปิดให้จองจำนวน 3 อาคารก่อน โดยโครงการทั้งหมดอยู่ระหว่างการขอ EIA คาดว่าในเดือน พ.ย.นี้จะเริ่มก่อสร้างในเฟสแรก และจะกำหนดแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2568 หรือต้นปี 2569

ทั้งนี้ ประเมินว่าทั้งสองโครงการใหม่ จะสร้างยอดขายรวมในปี 2566 ประมาณ 2,600 ล้านบาท ส่วนภาพรวมยอดขายโครงการคอนโดมิเนียมทั้งหมดในสิ้นปีนี้ ประเมินยอดขายรวมที่ 6,000 ล้านบาท จากการมีโครงการที่ดำเนินการรวม 5 โครงการ และอยู่การพิจารณาภาพรวมยอดขายว่าจะมีการปรับเป้าหมายหรือไม่