อีสเทอร์นสตาร์ฝ่าคลื่นผันผวนขยายพอร์ตแนวราบหนีกับดักรายได้ไม่สม่ำเสมอ

อีสเทอร์นสตาร์ฝ่าคลื่นผันผวนขยายพอร์ตแนวราบหนีกับดักรายได้ไม่สม่ำเสมอ

เปิดมุมมอง “ไพโรจน์ วัฒนวโรดม” แม่ทัพใหม่ อีสเทอร์น สตาร์ ผู้นำทัพพาธุรกิจฝ่ากระแสความไม่แน่นอน ทั้งด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจ และความต้องการของตลาด หันรุก “แนวราบ” สร้างรายได้ระหว่างรอคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จ หวังบาลานซ์พอร์ตใหม่

ไพโรจน์ วัฒนวโรดม  กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าววว่า จากประสบการณ์ในแวดวงการอสังหาริมทรัพย์ การบริหารจัดการความเสี่ยง นายช่าง วิศวกรและการตลาด ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากบอร์ดผู้บริหารของอีสเทอร์น สตาร์ ฯ เข้ามาบริหาร เบื้องต้น จากการสำรวจโครงสร้างรายได้ของบริษัทอยู่ที่ 2,000 ล้านบาทมาตลอด เพราะเน้นการทำตลาดคอนโดไม่เน้นการทำตลาดแนวราบ 

ดังนั้น สิ่งแรกที่ทำก็คือการสำรวจที่ดินที่มีอยู่ในมือ พบว่ามีที่ดินอยู่ในกรุงเทพฯ จำนวน 2 แปลง ทำเลซอยเย็นอากาศ จำนวน 2 ไร่ และกรุงเทพฯ นนทบุรี จำนวน 7 ไร่ นอกจากนี้มีอยู่ใน จ.ระยอง จำนวน 300-400 ไร่ กระจายอยู่ในทำเลต่างๆ

ที่ผ่านมา บริษัทเปิดตัว คอนโด 3 โครงการควินทารา มายซีรีย์ มูลค่า 4,150 ล้านบาท กว่าจะรับรู้รายได้ราว ไตรมาส 4 ปี 2567 และ 2569 ควินทารา มาย'เดน โพธิ์นิมิตร  เป็นโลว์ไรส์ใช้ระยะเวลา 12-15 เดือน ถ้าเป็นไฮไรส์ใช้เวลา 3 ปี กว่าจะรับรู้รายได้เป็นปีที่ 4 ทำให้รายได้ไม่สม่ำเสมอ 

อีสเทอร์นสตาร์ฝ่าคลื่นผันผวนขยายพอร์ตแนวราบหนีกับดักรายได้ไม่สม่ำเสมอ

"อีสเทอร์น สตาร์ ติดกับดักตรงนี้มานาน เพราะกว่าคอนโดจะรับรู้รายได้ใช้เวลานาน ดังนั้นถ้าอยากจะให้รายได้มั่นคงและยั่งยืนจะต้องพัฒนาโครงการแนวราบ”

จึงขออนุมัติงบซื้อที่ดินจากบอร์ดฯ จำนวน 1,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนซื้อที่ดิน 3 แปลง พัฒนาโครงการแนวราบ ล่าสุดอนุมัติ 1 แปลงมูลค่า 300 ล้านบาท ฝั่งตะวันออกพัฒนาโครงการทาวน์โฮมมูลค่า 700 ล้านบาท ระดับราคา 3-5 ล้านบาท ส่วนแปลง 2-3 กำลังศึกษา คาดว่า จะได้เข้ามาเติมพอร์ตแนวราบในไตรมาส 3-4   

ขณะเดียวกัน มุ่งปรับโครงสร้างองค์กรให้กระชับขึ้น แบ่งออกเป็น 3 แผนก แผนกแรก ดูพื้นที่กรุงเทพฯ มีทั้งคอนโดและแนวราบ แผนกที่ 2 ดูแลพื้นที่บ้านฉาง จ.ระยอง โดยโครงการแนวราบ ใช้ระยะเวลา 10-11 เดือน สามารถรับรู้รายได้ในไตรมาส 4 ปี 2567

สำหรับตลาดอสังหาฯ จ.ชลบุรี มีมูลค่า 4 หมื่นล้านบาท เติบโตปีละ 10% เทียบตลาดกรุงเทพฯ-ปริมาณฑล มูลค่า 4 แสนล้านบาท ตลาดระยองมีมูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งทำเลบ้านฉาง เติบโตค่อนข้างมาก  โดยมี 4 โครงการในพื้นที่ คาดปีนี้มียอดขาย 700 ล้านบาทจากปัจจุบันโอนแล้ว 250 ล้านบาท เหลืออีก 350 ล้านบาท ปีหน้าจะมียอดขายถึง 1,000 ล้านบท เนื่องจากเป็นทำเลที่ติดสนามบินอู่ตะเภา นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งจะมีบริษัทขนาดใหญ่ ไม่ว่า ไออาร์พีซี ปตท. เอสซีจี รวมทั้งทหารเรือ เข้ามาทำงานจำนวนมาก จนสร้างไม่ทันขาย จึงต้องปรับกระบวนการก่อสร้างใหม่อีกด้วย

อีสเทอร์นสตาร์ฝ่าคลื่นผันผวนขยายพอร์ตแนวราบหนีกับดักรายได้ไม่สม่ำเสมอ

“ กลุ่มลูกค้าในทำเลบ้านฉาง ระดับอายุตั้งแต่ 30-55ปี มีระดับรายได้ตั้งแต่ 7หมื่นจนถึง3แสนบาท มีรีเจกต์เรต5% ถือว่าน้อยมาก ถือเป็นแหล่งรายได้ใหม่ที่น่าสนใจที่ขยายโครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์เวลาน่า 3 ในปีหน้าระดับราคา 5-9ล้านบาท สำหรับโครงการบ้านเดี่ยวในบ้านฉางประกอบด้วยเซกเมนต์ 3-5 ล้านบาทภายใต้แบรนด์บรีซ ส่วนระดับราคา 5-9ล้านบาทภายใต้แบรนด์เวลาน่าขายดีมากและแบรนด์แกรนด์ เวลาน่าราคา 9-15ล้านบาท

บริษัทได้ตั้งเป้าบลานซ์พอร์ต คอนโดและแนวราบ 50:50 ภายใน3ปี จากเดิมมีสัดส่วนรายได้จากคอนโด80% และแนวราบ20 % คาดสิ้นปีมียอดขาย2,000ล้าน รายได้ 1,500 ล้านบาท ส่วนที่ดินในกรุงเทพฯ ที่เหลืออยู่ 2 แปลงนั้น ในซอยเย็นอากาศจำนวน 2 ไร่ นั้นมีแนวคิดที่พัฒนาเป็นโครงการบ้านหรู ระดับราคา 40-80 ล้านบาท แทนที่จะพัฒนาเป็นคอนโดคาดว่ามีจำนวนประมาณ12 หลังเพื่อรองรับกลุ่มนักธุรกิจไทยและชาวต่างชาติ

 ส่วนที่ดินในทำเลกรุงเทพฯนนทบุรีจำนวน 7 ไร่ นั้น ยังอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลยังไม่มีแผนที่จะพัฒนาโครงการ เนื่องจากซัพลายในพื้นที่ยังคงเหลืออยู่อีกมากคิดเป็นมูลค่า 5,000 ล้านบาทย่านสายสีม่วงใกล้กับ MRT แยกติวานนท์คาดว่า ใช้ระยะเวลาระบายสต๊อก2ปี ดังนั้นในระหว่างนี้ได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจซื้อที่ดินติดต่อเข้ามาได้มูลค่ารวมประมาณ945ล้านบาทหรือตกตารางวาละ3แสนกว่าบาท