ต่างชาติโอนคอนโดพุ่ง24.5% จีนครองแชมป์โอนกว่า 1.69หมื่นล้าน
ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เผยสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์คอนโดของคนต่างชาติ 6 เดือนแรกปี66 มูลค่าโอนเพิ่มขึ้น 24.5 % จีนครองแชมป์โอนกว่า 1.69 หมื่นล้าน
วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่าภาพรวมการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติช่วง 6 เดือนแรก ปี 2566 สัดส่วนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด/คอนโดต่างชาติปรับเพิ่มขึ้น 14.7% จากเพียง 10.8% ในปี 2565 และสัดส่วนมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดต่างชาติ/คอนโดก็เพิ่มขึ้น24.5% จาก20.5 %ในปี 2565 โดยพบว่ามีหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติรวม 7,338 หน่วย มูลค่า 35,211 ล้านบาท
ในจำนวนดังกล่าวพบว่ามีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้ชาวจีน เป็นมูลค่าสูงสุด จำนวน 16,992 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนที่สูงถึง 48.3% ของมูลค่าทั้งหมด ส่วน 4 สัญชาติที่มีมูลค่าการโอนรองลงมาคือ รัสเซีย จำนวน 2,556 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน7.3% ถัดมา คือ สหรัฐอเมริกา จำนวน 1,289 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน3.7% สหราชอาณาจักร จำนวน 1,287 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน3.7 %และพม่า จำนวน 1,274 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน3.6 %ตามลำดับ
หากพิจารณาลงไปในรายพื้นที่จังหวัดพบว่าในช่วงเวลาดังกล่าวคนต่างชาติได้มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดในชลบุรีมาเป็นอันดับ 1 ที่มีสัดส่วน 43.4 %ขณะที่กรุงเทพมหานครเป็นอันดับ 2 ที่สัดส่วน 37.7% ของการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติ ทั้ง 2 จังหวัดมีสัดส่วนจำนวนหน่วยและมูลค่ารวมกันสูงถึง81.1% ซึ่งแตกต่างจากช่วงที่ผ่านมา หรือระหว่างปี 2561 - 2565 ที่กรุงเทพมหานครมียอดโอนกรรมสิทธิ์ของคนต่างชาติมาเป็นอันดับ 1 ที่มีสัดส่วนเฉลี่ย48.8 %และ ชลบุรีเป็นอันดับที่ 2 ที่มีสัดส่วนเฉลี่ย30.8% โดยในช่วง 6 เดือนแรก ปี 2566 ทั้ง 2 จังหวัดมีสัดส่วนจำนวนหน่วยและมูลค่ารวมกันสูงถึง81.1% และ 85.4 %ของทั่วประเทศ
สำหรับจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดคนต่างชาติมากที่สุด 5 อันดับแรกได้แก่ ชลบุรี กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ และประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ใน 2 จังหวัดแรก คือ ชลบุรี มีจำนวน 3,183 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 43.4 %และกรุงเทพฯ จำนวน 2,765 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน37.7% ตามลำดับ
ด้านมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดคนต่างชาติมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี ภูเก็ต เชียงใหม่ และประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ใน 2 จังหวัดแรก คือ กรุงเทพฯ มีมูลค่า 20,233 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 57.5 %และชลบุรี มีมูลค่า 9,840 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน27.9 %ตามลำดับ
ทั้งนี้ ผู้ซื้อสัญชาติจีนยังคงเป็นกลุ่มที่มีหน่วยและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดต่างชาติมาเป็นอันดับ 1 โดยมีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้ชาวจีนไปแล้วทั้งหมด 3,448 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนที่สูงถึง 47%ของหน่วยทั้งหมด มูลค่าสูงสุด จำนวน 16,992 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนที่สูงถึง 48.3 %ของมูลค่าทั้งหมด และ 4 สัญชาติที่มีการโอนกรรมสิทธิ์อันดับรองลงมา ได้แก่ รัสเซีย จำนวน 702 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 9.6 %มูลค่า 2,556 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน7.3%
ถัดมาคือ สหรัฐอเมริกา จำนวน 293 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 4%มูลค่า 1,289 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน3.7% ฝรั่งเศส จำนวน 269 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 3.7% มูลค่า 1,127 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ 3.2 อับดับ 5 คือ สหราชอาณาจักร จำนวน 260 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.5 มูลค่า 1,287 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน3.7 % ทั้งนี้ สัญชาติพม่ามีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดมีราคาเฉลี่ยต่อหน่วยสูงสุด7 ล้านบาท ในขณะที่สัญชาติอินเดียมีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดขนาดเฉลี่ยใหญ่สุดอยู่ที่ 89.8 ตารางเมตร
“จากการประมวลภาพของการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติทั้งหมด ทำให้เราเห็นได้ว่า ปริมาณทั้งในมิติของจำนวนหน่วย มูลค่า และพื้นที่ ฟื้นตัวกลับมาอย่างชัดเจนแล้ว แต่ยังคงต่ำกว่าช่วงที่ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทั้งนี้ มีข้อสังเกตต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ว่า ตัวเลขการโอนกรรมสิทธิ์เหล่านี้เป็นสิ่งสะท้อนการซื้อขายส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และยังเป็นการแสดงให้เห็นว่า การซื้อขายห้องชุดที่ผ่านมาเป็นการขายได้จริง ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากภาวะการโอนกรรมสิทธิ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง” รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าว